
ประเด็นคือ – กลุ่มหญิงสาวโคโยตี้ รวมตัวเข้าร้องกองปราบ ให้ดำเนินคดีกับเจ้าของ ‘นินิว โคโยตี้ โมเดลลิ่ง’ หลังมีพฤติกรรมค้ามนุษย์
ความคืบหน้า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนนนท์ เข้าตรวจสอบ บ้านเลขที่ 455/547 หลังที่ปรากฏในคลิป ซึ่งตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 แขวงบางขุนศรี เขตบางขุนนนท์ กรุงเทพฯ หลังมีการเผยแพร่คลิป จากสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นแฟนกันและหยุดงานไปเที่ยว แต่เมื่อกลับมา ถูกนายจ้างลงโทษโดยการให้นั่งที่เก้าอี้แล้วให้คนในร้านมาตบหน้าอย่างแรง โดยตั้งคำถามว่า นายจ้างมีสิทธิ์อะไรในการลงโทษลูกจ้างด้วยวิธีดังกล่าว ต่อมาพบคลิปนายจ้างของเด็กดังกล่าวออกมาอธิบายว่า ได้ตั้งกฎไม่ให้เด็กขายยา หากพบก็จะลงโทษ
https://www.youtube.com/watch?v=uObIJmRr_vM
ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นางพรรณวรท ควบคุม อายุ 34 ปี เป็นเจ้าของบ้าน นินิว โมเดลลิ่ง พร้อมบอกว่า “เป็นการทำโทษ เนื่องจากผู้หญิงในคลิปมีพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด ส่วนทอมบอยมีพฤติการณ์คบกับผู้หญิงภายในบ้านจึงทำการลงโทษโดยการตบหน้า ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณ 2 เดือนที่แล้ว การมาพักรวมกันนั้นทั้งหมดที่เป็นผู้หญิงจะรับจ้างเป็นโคโยตี้ไปเต้นที่ร้านแห่งหนึ่ง ในซ.สุขุมวิท 23 (ซอยคาวบอย) ส่วนทอมบอยจะทำหน้าที่รับจ้างเสิร์ฟอาหาร โดยมีนางพรรณวรทและสามีคอยรับส่ง อยู่รวมกันโดยแชร์ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำไฟ ค่าอาหารกันด้วยความเต็มใจ”
ล่าสุดวันที่ 18 ก.ย .60 กลุ่มหญิงสาวผู้เสียหาย ที่ปรากฎในคลิป เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางพรรณวรท ควบคุม หรือ นินิว ซึ่งเป็นคนตบหน้า เนื่องจากมีพฤติกรรมค้ามนุษย์ จัดส่งเด็กที่อายุไม่ถึง 18 ปี เต้นโชว์ ตามสถานบันเทิง

ซึ่งทางด้าน พลตำรวจตรี กรไชย คล้ายคลึง ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นเข้าข่ายการค้ามนุษย์ประเภทที่ 3 แสวงหาผลประโยชน์จากการกระทำทางเพศ ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังและพาดพิงถึงใครจะดำเนินการออกหมายเรียกเข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริง
นอกจากนี้ยังมีความผิดที่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สวมบัตรประชาชนของบุคคลอื่น เพื่อเข้าไปทำงานตามสถานบันเทิง โดยจะต้องสอบสวนว่าสถานบันเทิงรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำความผิดด้วยหรือไม่ พร้อมยืนยันจะเดินหน้าสืบสวนหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ถึงแม้ผู้เสียหายอายุต่ำกว่า 18 ปี จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

ขณะที่ พี่ชายของผู้เสียหายเผยว่า น้องสาวทำหน้าที่คอยดูแลโคโยตี้ โดนลงโทษด้วยการตบหน้า จึงได้โทรไปสอบถามกับผู้ที่กระทำ แต่ได้รับคำตอบว่าน้องสาวเสพยาเสพติด มีเรื่องทะเลาะวิวาท และลักทรัพย์ ขัดแย้งกับที่น้องสาวอ้างว่า โดนลงโทษเพราะขาดงาน
นอกจากนี้น้องสาวกับกลุ่มผู้เสียหายยังทราบพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวที่เปิดเป็นโมเดลลิ่ง แต่แท้จริงแล้วมีการค้าประเวณี นอกจากนี้เด็กที่เข้ามาในสังกัดต้องมีการเปิดเรือนร่างให้ “ป๋าเกิด” ไม่เว้นทั้งผู้หญิงและทอม









