
ประเด็นคือ – คนร้ายควง .357 จี้ร้านทอง อ.ทุ่งใหญ่ เมืองคอน ชิงทอง 20 บาท ลอยนวล ใช้ถุงพลาสติกอำพรางปิดป้ายทะเบียน เผยปีที่แล้วต่างด้าวชิงทอง 1 บาท แต่ตำรวจรวบทันควัน คาดร้านทองอยู่ที่เปลี่ยว โจรจึงกล้าลงมือก่อเหตุ
เมื่อช่วงเย็นวันนี้ 13 ธ.ค. 60 ร.ต.อ.ศุภวิทย์ ไชยประพันธ์ รอง สว.สอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจี้ชิงสร้อยคอทองคำที่ห้างทองใน ต.บางรูป จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก.พ.ต.ท.ดร.ก่อเกียรติ ทองนุ่น สวป. พ.ต.ต.สมนึก สุวรรณวงศ์ สว.สส.และฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวติดกัน ริมถนนทุ่งใหญ่ – พระแสง ที่ห้องแรกเปิดเป็นห้างทองจิราพร เลขที่ 104/17 หมู่ 7 ต.บางรูป พบเจ้าของร้านทราบชื่อ นางจิรา เชิดชู อายุ 37 ปี บ้านเดิมเลขที่ 226/1 หมู่ 3 ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช รอเจ้าหน้าที่ให้การกับเจ้าหน้าที่ด้วยหน้าตาตื่นตกใจว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ร้านมีพนักงานหญิงประจำร้านจำนวน 2 คน ต่อมาได้มีคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สีเขียวอ่อน สวมหมวก สวมแว่นตาปกคลุมใบหน้า สวมถุงมือสีดำ ขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีดำแดง จำป้ายทะเบียนได้เพียงเลข 26 เท่านั้น เพราะคนร้ายใช้ถุงพลาสติกปกปิดหมวดอักษรที่ป้ายทะเบียน
โดยคนร้ายขับรถ จยย.เข้าขับมาจอดบริเวณที่หน้าร้าน โดยสตาร์ทเครื่องไว้ จากนั้นคนร้ายลงมาพร้อมชักอาวุธปืนขนาด .357 ยาว 4 นิ้ว จี้ไปที่พนักงานที่นั่งอยู่ในร้านหลังลูกกรงเหล็กดัดที่ทำไว้ป้องกันคนร้าย พร้อมทั้งพูดเป็นภาษาใต้ว่า “ให้รีบๆ ส่งทองในตู้มาให้หมด ไม่เช่นนั้นจะยิงให้ตาย”
พนักงานตกใจกลัวจึงหยิบสร้อยคอทองคำน้ำหนักเส้นละ1 บาท จำนวน 16 เส้น และน้ำหนักเส้นละ 2 บาท จำนวน 2 เส้น รวมแล้ว 20 บาท ส่งให้คนร้าย จากนั้นคนร้ายรีบเอาทองใส่กระเป๋า วิ่งไปขึ้นรถ จยย.ที่ติดเครื่องไว้ ขับหนีไปตามถนนทางไป อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี หลัเกิดเหตุจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายใช้เวลาลงมือก่อเหตุเพียง 1 นาทีเท่านั้น โดยไม่เกรงกลัวอะไร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี เพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ร้านทองดังกล่าวเมื่อปีที่ผ่านมา มีคนร้ายเป็นชาวต่างด้าวก่อเหตุจี้ชิงทอง ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวไว้ได้ คาดว่าคนร้ายอาจมาดูลาดเลาจึงกล้าลงมือก่อเหตุ นอกจากนี้ร้านดังดังกล่าวยังตั้งอยู่ในที่ค่อยข้างเปลี่ยว ไม่ค่อยไม่มีผู้คนพลุกพล่าน และยังเป็นรอยต่อระหว่าง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช กับ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีเส้นทางหลบหนีหลายทาง และง่ายต่อการหลบหนี ทำให้คนร้ายกล้าลงมือก่อเหตุดังกล่าว









