คุยกับ “ครอบครัวกุนัน” ในวันแม่ที่ไม่มี “จ่าแซม”

คุยกับ “ครอบครัวกุนัน” ในวันแม่ที่ไม่มี “จ่าแซม”

FEATURES

ความอบอุ่นเต็มเปี่ยม แม้ในวันที่ “จ่าแซม” จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ในวันแม่แห่งชาติปี 2561 “แม่จ่าแซม” เดินทางไกลเข้ามารับรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติ “แม่ของผู้เสียสละ” รางวัลที่ประกาศคุณงามความดีของลูก ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนและมีแม่เป็นแบบอย่างเห็นความดี และเสียสละส่วนรวมอย่างแท้จริง

สำราญ กุนัน วัย 64 ปี แม่ของนาวาตรีสมาน กุนัน หรือ จ่าแซม อดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจมนอกราชการ หรือ อดีตหน่วยซีล ที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี ติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เชียงราย ที่ได้รับการยกย่องจากสังคมว่า เป็นวีรบุรุษถ้ำหลวง สวมใส่ชุดผ้าไหมสีฟ้าสด ผ้านุ่งลวดลายพื้นบ้านอย่างสวยงาม เดินทางจากร้อยเอ็ดบ้านเกิด เข้ากรุงเทพฯ เพื่อเข้ารับพระราชทานรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2561

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยกย่องนางสำราญ เป็น แม่ดีเด่นแห่งชาติ “แม่ของผู้เสียสละ” ซึ่งเสนอเป็นกรณีพิเศษ

แม้แม่จ่าแซม จะออกตัวกับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ว่า พูดไม่เก่ง แต่ก็ยินดีเล่าถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติในปีนี้ว่า “ดีใจมาก ภูมิใจ เป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลนี้”

ส่วนวิธีเลี้ยง “จ่าแซม” ลูกชายเพียงคนเดียวนั้น แม่สำราญ บอกว่า “แม่เลี้ยงลูกธรรมดา ก็อบรมลูก สอนลูกให้เป็นคนดี ทำความดี เสียสละ เพื่อประเทศชาติ” ก่อนกล่าวทิ้งท้ายฝากถึงลูกๆ ที่ยังมีแม่อยู่ด้วยว่า ให้ดูแลแม่ให้ดีที่สุดเหมือนที่จ่าแซมได้ทำหน้าที่ลูกจนวาระสุดท้าย

คำถามถึง “จ่าแซม” เป็นเรื่องต้องห้ามที่ญาติๆ ขอสื่อมวลชนไว้ เพราะสภาพจิตใจของแม่สำราญ หลังจากสูญเสียจ่าแซมไปยังไม่สู้ดีนัก

วลีพร กุนัน ภรรยาของจ่าแซม ที่วันแม่ปีนี้เธอโชคดีได้มีแม่ถึง 2 คน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ช่วงแรกที่เสียจ่าแซมไป แม่อาการไม่ดี ร้องไห้คิดถึงลูกชายตลอด ส่วนตอนนี้ มีอาการเป็นช่วงๆ จะว่าดีขึ้นเลยยังพูดแบบนั้นไม่ได้

การดูแลแม่สำราญ “วลีพร” บอกว่า ญาติๆ และลูกหลานที่อยู่บ้านใกล้จะผัดเปลี่ยนกันไปอยู่เป็นเพื่อน ส่วนคนบ้านไกลที่มาทำงานในกรุงเทพฯ ก็จะโทรศัพท์และวีดิโอคอลหาทุกวัน เพื่อให้แม่ผ่อนคลาย ต้องช่วยกันสร้างกำลังใจเยอะๆ เพราะสุขภาพแม่ก็ไม่แข็งแรงด้วย

สำหรับ “วันแม่” ในทุกๆ ปีที่เธอและจ่าแซม ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน 8 ปีนั้น เธอและจ่าแซม จะช่วยกันเลือกของขวัญวันแม่ โดยจัดเป็น 2 ชุด พร้อมการ์ดที่ลงชื่อทั้งสองคน ถ้าปีไหนไม่ได้กลับไปหาทั้งสองบ้าน จะใช้วิธีส่งของขวัญทางไปรษณีย์ไปที่ จ. ร้อยเอ็ด (บ้านแม่จ่าแซม) และ จ.นครพนม (บ้านแม่วลีพร) โดยส่งไปพร้อมๆ และทำทุกอย่างเหมือนกันทั้งสองบ้าน

ส่วนปีนี้ พี่เหมี่ยว วลีพร ดูแลพาแม่สำราญมารับรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติที่กรุงเทพฯ และระหว่างรอนั้น พี่เหมี่ยวก็โทรศัพท์พูดคุยกับแม่ของตัวเองเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบ และคลายความคิดถึงที่ต้องอยู่ห่างไกล ซึ่งพี่เหมียวบอกว่า แม่ของเธอนั้นเข้าใจที่วันนี้ต้องอยู่ดูแลแม่สามี ทำหน้าที่แทนจ่าแซม

พี่เหมี่ยว เล่าว่า แม่ลูกคู่นี้มีความเหมือนกันมาก ทั้งแม่สำราญ และจ่าแซม เป็นคนสบายๆ เรียบง่าย ใช้ชีวิตแบบสงบสุข ดังนั้นพี่เหมียวและแม่สำราญ จึงไม่เคยมีปัญหา “แม่ผัวลูกสะใภ้” เลยแถมแม่สำราญ ยังเอาใจด้วยซ้ำ

(ภาพจาก อินเตอร์เน็ตซึ่งไม่ได้ระบุที่มา)

โดยตอนที่จ่าแซมยังอยู่ เมื่อได้กลับมาเยี่ยมแม่ก็จะเข้าไปพูดคุยกับแม่ ส่วนขากลับจะเข้าไปกราบพ่อแม่ และกอด ตามประสาลูกทุกคนที่ต้องมาทำงานในกรุงเทพฯ แล้วแม่อยู่ต่างจังหวัด

“จ่าแซม ไม่ใช่คนอ้อนแม่ แต่ถ้าแม่บอกให้ทำอะไร ก็จะทำตาม” วลีพรพูดถึงภาพที่เธอได้เห็นทุกครั้งที่จ่าแซม ว่างจากจากงานที่กรุงเทพฯ และตีตั๋วกลับร้อยเอ็ดบ้านเกิด

รางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติที่แม่สำราญได้รับ วลีพร ก็พลอยยินดีด้วย เพราะว่า รางวัลนี้ไม่ได้มาง่ายๆ ดีใจกับแม่ที่ได้รางวัล ดีใจแทนพี่แซม ส่วนตัวก็จะทำหน้าที่ทุกอย่างเหมือนเดิม

“ก็ต้องบอกว่า เพราะเขาแม่จะได้แม่ดีเด่นก็เพราะลูก ดูรางวัลจากลูก อย่างพี่เองเป็นลูกเหมือนทุกคนปกติ แม่พี่ก็ไม่ได้รางวัลนี้ รางวัลนี้คือเหมือนเป็นความดีของลูก พี่แซมรู้คงดีใจ คงปลื้มใจ ที่เขาทำเพื่อแม่ ทำให้แม่” ศรีสะใภ้ของครอบครัวกุนันถ่ายทอดความในใจที่เชื่อว่า “คนบนฟ้า” รับรู้และรู้สึกดีใจเช่นเดียวกับเธอในวันนี้

https://www.facebook.com/NewsWorkpoint/videos/1913179898720333/

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง