
ตำรวจ สภ.สิชล จ.นครศรีฯ รวบญาติลูกพี่แทงญาติลูกน้องไส้ทะลัก สารภาพระแวงเป็นชู้กับเมียตอนติดคุก
วันนี้ (22 ธ.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงกรณีคดีสยอง นายบุญประสิทธิ์ สมศิริ อายุ 45 ปี ใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทง นายวิศิษฐ์ ศรีบัว อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องจนร่างพรุน และไส้ทะลักออกมากองด้านนอกเสียชีวิต จมกองเลือดบริเวณพื้นปูกระเบื้องหน้าบ้านเลขที่129/1 หมู่ 5 ต.เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
หลังก่อเหตุนายบุญประสิทธิ์ ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากการสอบสวนพบสาเหตุเบื้องต้น มาจากทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องส่วนตัว ขณะนั่งดูทีวีในบ้านพักที่เกิดเหตุ และศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อนุมัติออกหมายจับนายบุญประสิทธิ์ หรือ เชน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
พ.ต.อ.โชคดี เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ธ.ค.) ทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.สิชล ได้สืบทราบว่านายบุญประสิทธิ์ ได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่บ้านญาติคนหนึ่งในพื้นที่ ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จึงสั่งกำลังตำรวจชุดสืบสวนเดินทางไปจับกุมนายบุญประสิทธิ์ ได้ขณะหลบซ่อนตัวบ้านญาติ ก่อนคุมตัวมาสอบสวนปากคำที่ สภ.สิชล

โดยนายบุญประสิทธิ์หรือ เชน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เป็นคนใช้อาวุธมีดปลายแหลมจ้วงแทงลำตัว และแทงหน้าท้องนายวิศิษฐ์ ซึ่งเป็นญาติกันจนไส้ทะลักตายคาที่จริง ส่วนสาเหตุเนื่องจากตนมีความแค้นที่นายวิศิษฐ์ ผู้ตายแอบลักลอบไปมีความสัมพันธ์กับภรรยาของตน ช่วงที่ตนติดคุกในคดียาเสพติด โดยขณะเกิดเหตุขณะที่ตนกับนายวิศิษฐ์ ผู้ตายกำลังนั่งดูทีวีในบ้านพักของผู้ตาย และตนได้สอบถามนายวิศิษฐ์ ว่าไปแอบมีความสัมพันธ์กับภรรยาของตนหรือไหม แต่นายวิศิษฐ์ กลับตอบปฏิเสธ ตนไม่เชื่อและเกิดอารมณ์โมโหจึงคว้าอาวุธมีดไล่แทงนายวิศิษฐ์ ไปหลายแผล จนนายวิศิษฐ์ วิ่งหนีไปล้มลงหน้าบ้าน ตนจึงตามไปใช้มีดจ้วงแทงหน้าท้องและคว้านท้องจนไส้ทะลักออกมากองด้านนอก ก่อนจะใช้มีดแทงปักติดคาอกซ้ายของนายวิศิษฐ์ จนมีดด้าม ทำให้นายวิศิษฐ์ ตายคามือ หลังก่อเหตุจึงขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปบ้านญาติที่ ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช กระทั่งถูกตำรวจตามจับกุมได้ดังกล่าว ซึ่งทางตำรวจได้คุมตัวนายบุญประสิทธิ์ ไปชี้จุดเกิดเหตุ และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของญาติๆ ก่อนคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:









