กรณีเมื่อวันที่ 19 มี.ค. หนุ่มแกร็บไบก์ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูกค้าย่านถนนข้าวสาร แล้วถูกวินรถจักรยานยนต์รับจ้างทำร้ายร่างกายด้วยมีดจนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณไหล่ซ้ายเย็บ 8 เข็ม เหตุเกิด บริเวณ ถ.ตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ
วันที่ 21 มี.ค. นายปาฏิหารย์ สาริกาพันธ์ วัย 30 ปี หนุ่มขับแกร็บไบค์ที่ถูกวินรถจักรยานยนต์ทำร้าย เปิดใจกับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 11.30 น. ตนเองเดินทางไปรับลูกค้าที่เรียกใช้บริการผ่านแอพลิเคชั่น เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุจึงได้จอดรถเพื่อพยายามติดต่อกับลูกค้า โดยไม่ทราบว่าที่ตรงนั้นคือที่จอดรถของวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง ถ.ตานี ระหว่างนั้นนายธรรมราช ขาวพา คนขับวินได้ขี่เข้ามาแล้วพูดประมาณว่า “มึงมาจอดอะไรตรงนี้ ไปที่อื่น เกะกะขวางทาง”
ตนจึงถามกลับไปว่า “ผมไปจอดขวางทางพี่ตรงไหน ทางก็มีตั้งเยอะแยะ พี่ก็ไปได้นี่ครับ” จนทำให้อีกฝ่ายเมื่อได้ยินแบบนั้นจึงมีท่าทีไม่พอใจ แล้วพูดกลับมาว่า “มึงจะเอากับกูใช่ไหม” ก่อนที่จะมีปากเสียงกันอยู่พักนึง โดยยอมรับว่าตนเองก็มีอารมณ์โมโหเช่นกัน จึงได้หลุดปากพูดไปประมาณว่า “อยู่ให้แก่ตายดีกว่า”
จากนั้นไม่นาน คู่กรณีได้หยิบมีดมาจากใต้เบาะรถ แล้วตรงเข้ามาทำร้ายตนก่อน ตนเองเห็นท่าทางไม่ดีเลยหยิบกรรไกรของแม่ค้าร้านค้าใกล้ๆ มาเพื่อหวังป้องกันตัว แต่สุดท้ายถูกดึงกลับไป และมีการชุลมุนกันเกิดขึ้น จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ
นายปาฏิหารย์ ยืนยันว่าไม่มีเจตนามารับลูกค้าที่หน้าวินอย่างแน่นอน และอยากถามอีกฝ่ายว่าทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นทางครอบครัวตั้งได้รับผลกระทบ ขาดรายได้ เนื่องจากเป็นเสาหลัก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า หลังหายดีแล้ว จะกลับไปขับแกร็บไบค์อีกหรือไม่ เจ้าตัวยืนยันว่ากลับไปขับแน่นอน เพราะเป็นอาชีพเสริมที่ตนเองสามารถหารายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้
ด้านนางสาวมัลลิกา ชูชื่น ภรรยานายปาฏิหารย์ กล่าวว่าตนเองรู้สึกเป็นห่วงสามีที่ต้องประกอบอาชีพขับแกร็บไบค์ เพราะที่ผ่านมามักจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกับวินรถจักรยานต์อยู่บ่อยครั้ง แต่เหตุการณ์คราวนี้ถือว่ารุนแรงที่สุด
ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ ยังได้เดินทางไปพบกับนายธรรมราช ขาวพา วัย 51 ปี คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างคู่กรณี ที่เล่าว่าในช่วงวันเกิดเหตุ นายปาฏิหารย์ได้ขับรถมาปิดทางเข้าวินรถจักรยานยนต์จริง จึงมีการพูดคุยกันเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ตนฟิวส์ขาด คือคำพูดที่นายปาฏิหารย์บอกกับตนว่า “อยู่ให้แก่ตายดีกว่า” จึงได้หยิบมีดปอกผลไม้ใต้เบาะรถขึ้นมาด้วยความโมโห และเกิดเหตุชุลมุนขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะขอโทษอีกฝ่ายที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และยินดีที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายให้นายปาฏิหารย์อีกด้วย นอกจากนี้ข่าวที่ออกมาได้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวตัวเองเป็นอย่างมาก ลูกสาวและภรรยาต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวง เกรงว่าจะถูกคนมาทำร้าย จึงอยากจะขอความเห็นใจทุกๆ ฝ่ายไว้ ณ ที่นี้
ส่วนเรื่องของคดีความ วานนี้ ตร.สน.ชนะสงคราม ได้นัดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปฟ้องศาลแขวงดุสิต ในข้อหาทะเลาะวิวาทจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บศาลนัดสืบพยานเพิ่มเติมวันที่ 30 มี.ค.นี้
