
ดีเอสไอสรุปสำนวนรถจดประกอบปลอมใบอินวอยซ์ ส่งของกลาง รถยนต์หรูยี่ห้อปอร์เช่ 5 คัน ให้ ป.ป.ช. เอาผิดเจ้าหน้าที่ศุลกากร หลังพนักงานสอบสวนพบหลักฐานเชื่อว่าทุจริต
วันที่ 26 ม.ค.62 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ( 25 ม.ค. 62) ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีรถจดประกอบนำสำนวนคดีทุจริตตรวจปล่อยรถยนต์จดประกอบ พร้อมของกลางในคดี เป็นรถยนต์ซูเปอร์คาร์ ยี่ห้อ “ปอร์เช่” จำนวน 5 คัน ไปส่งมอบให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนความผิดทางอาญา เนื่องจากพบเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งตามกฎหมายที่ได้รับการแก้ไขใหม่พนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนไปให้ป.ป.ช.ดำเนินการ
คดีนี้ ดีเอสไอเริ่มตรวจสอบจากบัญชีการนำเข้ารถยนต์จดประกอบ โดยพบหลักฐานน่าเชื่อว่า รถยนต์ซูเปอร์คาร์จำนวนมากที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ถูกขนส่งมาสำเร็จรูปทั้งคัน แต่ปลอมแปลงใบขนส่งให้เป็นชิ้นส่วนรถยนต์ แล้วนำใบขนปลอมมาสำแดงเท็จ แยกเป็นใบขนชิ้นส่วนตัวถังกับใบขนเครื่องยนต์ ส่วนใบขนขาเข้าตัวจริงจากประเทศต้นทางจะทำลายทิ้ง โดยอ้างว่า “สูญหายจากอุบัติเหตุไฟไหม้ หรือน้ำท่วม” นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบทางกายภาพ พบว่า รถยนต์ไม่เคยถูกถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนใด ๆ อีกทั้งเทคโนโลยีในโรงประกอบรถยนต์ทั่ว ๆ ไป ไม่สามารถประกอบรถยนต์ซูเปอร์คาร์ได้ จึงน่าเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรผู้ทำหน้าที่ตรวจปล่อยสินค้ารู้เห็นกับผู้นำเข้า จึงยอมรับหลักฐานใบขนเท็จ
มีรายงานว่า รถยนต์ปอร์เช่ มีราคาขายในท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แต่ผู้นำเข้าผิดกฎหมาย จะลักลอบจำหน่าย ในราคาคันละ 3,000,000-5,000,000 บาท หลังจากการตรวจสอบและสั่งอายัดรถยนต์ของกลาง โดยเรียกผู้ครอบครองมาทำสัญญานำรถยนต์ไปเก็บรักษาเอง แต่ต้องพร้อมส่งมอบรถยนต์ของกลางให้พนักงานสอบสวนในทันที
นอกจากนี้ ดีเอสไอได้ประสานกรมการขนส่งทางบก ไม่อนุญาตให้จดทะเบียนหรือโอนขายเปลี่ยนผู้ครอบครองรถยนต์จดประกอบทุกคัน เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกหลอกให้ซื้อรถผิดกฎหมาย สำหรับผู้ซื้อรถยนต์โดยสุจริตใจไม่เกี่ยวข้องกับการสำแดงใบขนปลอม ดีเอสไอไม่ได้แจ้งข้อหาดำเนินคดี แต่ต้องถูกยึดรถยนต์ของกลาง โดยส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นผู้ซื้อต้องไปฟ้องแพ่งเอากับผู้ขายและผู้นำเข้าเอง
ขอบคุณภาพ กรมสอบสวนคดีพิเศษ









