ตำรวจ ยืนยันไม่ได้ให้พ่อนักเรียนหญิงถูกลวนลามในรร.มัธยมวัดสิงห์ถอนแจ้งความ

ตำรวจ ยืนยันไม่ได้ให้พ่อนักเรียนหญิงถูกลวนลามในรร.มัธยมวัดสิงห์ถอนแจ้งความ

รองโฆษกสตช. ชี้แจงหลังไลน์ในโซเชียลอ้างตำรวจให้พ่อเด็กหญิงถูกลวนลามถอนแจ้งความ ยืนยันไม่เป็นความจริง พร้อมสั่งล่าตัวคนสร้างข้อมูลเท็จ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยถึงประเด็นที่มีการวิจารณ์ในโซชียลมีเดียถึงการเผยแพร่บทสนทนาในแอพพลิเคชั่นไลน์ ของพ่อเด็กหญิงที่ถูกลวนลาม ซึ่งระบุว่า ตำรวจว่าให้ถอนแจ้งความจากกรณีกลุ่มวัยรุ่นได้ยกพวกเข้ามาทำร้าย ประชาชน ภายในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ภายหลังกลุ่มผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไป ในเขตพื้นที่ สน.บางขุนเทียน นั้น

ขอเรียนว่า สำหรับประเด็นดังกล่าวที่มีการพูดถึงนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบ สำนวนการสอบสวน ไม่ได้มีการร้องขอหรือโน้วน้าวใจให้ผู้เสียหายและบิดาของผู้เสียหายให้ถอนแจ้งความตามที่ปรากฏในโซลเชียลมีเดียแต่ประการใด ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสหรือมีข้อมูลในเรื่องดังกล่าว สามารถแจ้งมาได้ยัง พ.ต.อ.ลือศักดิ์ ดำเนินสวัสดิ์ ผกก.สน.บางขุนเทียน โทรศัพท์ 099-1419959 และ 02-415-0671 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยืนยันว่า จะดำเนินการด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนผู้ที่นำข้อความอันเป็นเท็จเผยแพร่ในระบบคอมพิวเตอร์หรือโซลเชียลมิเดีย อันทำให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับความเสียหาย หรือ สร้างความเกลียดชัง โดยการกระทำของผู้นำเข้าและผู้แชร์ข้อมูลดังกล่าว จะเข้าข่ายความผิดฐาน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตาม ป.อาญา มาตรา 328 มีโทษ จำคุก 2ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ขอยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายมาตั้งแต่ต้นโดยตลอด โดยจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทั้งหมดทุกรายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้ผู้ที่ก่อเหตุแม้แต่คนเดียวลอยนวล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ที่ได้รับความเสียหายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน

“อยากเตือนชาวโซลเชียลมิเดีย ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ ก่อนที่จะทำการวิพากษ์ วิจารณ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงนั้น อาจจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย พร้อมทั้งส่งผลกระทบต่อตัวผู้ที่โพสต์หรือนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ต้องมีการวิเคราะห์และตรวจทานให้ดีเสียก่อน ควรใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อ และยังเป็นการทำลายชื่อเสียงหรือภาพลักษณ์ขององค์กรและเจ้าหน้าที่ที่มีความตั้งใจในการปฏิบัติงานมาโดยตลอด”

ที่มา FB : ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.  / กองสารนิเทศ ตร.

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง