
ทหาร กอ.รมน.ภาค 4 สน.นำกำลังบุกจับน้ำมันเถื่อนครั้งใหญ่ กว่า 2.9 แสนลิตร ถูกลำเลียงโดยเรือขนถ่ายขนาดใหญ่ ขณะถ่ายให้กับรถบรรทุก 18 ล้อ บริเวณท่าเรือใน จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรอขนส่งให้กับเครือข่ายขายทั่วประเทศ
เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 20 มี.ค.62 พลตรีจตุพร กลัมพสุต รองแม่ทัพภาคที่ 4 นำกำลังพลเข้า ตรวจสอบการติดตามผลจับกุมการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ท่าน้ำ หมู่ที่ 4 บ้านท่าสูงบน ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา นครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่สามารถเข้าจับกุมน้ำมันเถื่อนครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งของภาคใต้ มีเรือขนส่ง รถรอรับจำนวนมาก และปริมาณน้ำมันหลายแสนลิตร
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในส่วนหน้า กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนใต้ และกำลังพลจาก มทบ.41 ได้ติดตามสถานการณ์ภัยแทรกซ้อนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะขบวนการขนส่งน้ำมันเถื่อนรายใหญ่รายหนึ่งของประเทศไทย จนพบว่าข้อมูลการขนส่งรวมทั้งมีการร้องเรียนจากชาวบ้านอย่างต่อเนื่องกรณีรถบรรทุกขนาดใหญ่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้ท่าเรือจุดขนถ่าย

ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้ซุ่มรอจนพบว่ามีเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกดัดแปลงขนาดใหญ่ 2 ลำคือเรือ “อ.เฟื่องฟ้า” และเรือ “ขจรลาภ” ความยาวเรือเกือบ 20 เมตร พบว่าเป็นเรือเมล์เหล็กดัดแปลง มีปริมาณน้ำมันทั้งสองลำประมาณ 3 แสนลิตร นอกจากนั้นยังตรวจยึดรถบรรทุก 18 ล้อกำลังขนถ่ายบรรทุกน้ำมัน 4 คัน รถบรรทุกน้ำมันชนิด 6 ล้อ 1 คัน ผู้ต้องหาจำนวน 13 คน ซึ่งมีทั้งไต้ก๋ง ลุกเรือ และผู้ขับขี่รถบรรทุกน้ำมัน นอกจากนั้นพบว่ายังมีลูกเรืออีกจำนวนหนึ่งกระโดดน้ำหลบหนีไปได้
นายสมศักดิ์ ณรงค์เดช ผู้ควบคมเรือ อ.เฟื่องฟ้า สารภาพว่านำเรือออกไปรับน้ำมันจากน่านน้ำสากล แล้วนำมาส่งเข้าฝั่งในนครศรีธรรมราช โดยมีรถขนถ่ายมารอรับอยู่แล้ว หลังจากนั้นขนถ่ายไปโดยไม่รู้ว่ารถจะส่งต่อไปยังที่ใด โดยแต่ละเดือนจะมีการขนส่งเข้ามา 6-7 เที่ยว
ขณะที่นายโยธิน เพ็งสวัสดิ์ อายุ 42 ปี ชาวอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งนำรถบรรทุก 18 ล้อมารอรับน้ำมันจากนั้นเมื่อเต็มคันแล้ว จะนำไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดนครสวรรค์

โดยล่าสุดขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังประสานกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตและศุลกากรเข้าตรวจสอบน้ำมัน และทำการตรวจยึดรถบรรทุก เรือและคุมตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดสอบสวนขยายผลและดำเนินคดีแล้ว
สำหรับปัญหาการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน ถือเป็นภัยแทรกซ้อนที่สำคัญในพื้นที่ จชต. การจับกุมของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการตัดวงจรขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ









