ทำไมต้องร้องเพลง “ยาม” จนถูกฟ้อง 44 คดี กว่า 60 ล้าน

หนุ่ม วงกะลา ชี้แจงทำไมถูกฟ้องเพราะละเมิดลิขสิทธิ์เพลง “ยาม” ถึง 44 คดี เรียกค่าเสียหายกว่า 60 ล้านบาท รับพลาดเองไม่รู้ว่าร้องไม่ได้แล้ว แต่ยอมรับการเป็นนักร้องยุค 90 มาร้องในยุคนี้ต้องใช้เพลงฮิตของคนอื่นช่วย 

วันที่ 9 พ.ย. เวลา 13.00 น “หนุ่ม วงกะลา” หรือนายณพสิน แสงสุรรณ อายุ 37 ปี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ. เมืองสมุทรปราการ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ตนเองไม่ได้หนีไปไหน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพในหมายจับคดีละเมิดลิขสิทธิ์ นำเพลง “ยาม” ของวงลาบานูน ไปร้องตามสถานบันเทิงและงานแสดงคอนเสิร์ตโดยถูกแจ้งจับรวม 44 คดี รวมถึงคดีที่ถูกแจ้งความไว้ที่ สภ. เมืองสมุทรปราการ หลังจากที่นำเพลงไปร้องที่ผับแห่งหนึ่ง แม้เจ้าหน้าที่ยังไม่มีหนังสือเรียกตัว แต่ต้องการมาแสดงตัวเพื่อความบริสุทธิ์ใจ

ภาพ : FB Num KALA

หนุ่ม กล่าวต่อว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่หลายคดีผ่านชั้นอัยการและต้องขึ้นศาลแล้ว กรณีที่กระบี่ที่ถูกออกหมายจับก็เช่นกัน จึงอยากชี้แจงว่าทำไมไม่เคลียร์ปัญหาให้จบ  โดยเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าที่พูดได้คือ มีการพูดคุยตกลงกันแล้วแต่ตกลงกันไม่ได้ การที่คู่กรณีเรียกร้องกว่า 60 ล้านบาท ตนเองร้องเพลงไม่ได้ทำธุรกิจสร้างตึกถึงจะได้มีเงินขนาดนั้น ตนพร้อมจะจ่ายเงินจะกี่ล้านก็จ่ายถ้าเป็นเรตที่เหมาะสม แต่ที่เรียกร้องมาร้องเพลง 2-3 ปี ก็ไม่ถึงมูลค่านี้

เมื่อถามว่าไม่เคยรู้มาก่อนหรือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของคู่กรณี  หนุ่ม บอกว่า เดิมเพลงยามที่เป็นของวงลาบานูน สมัยสังกัดค่ายมิวสิคบั๊กส์ เมื่อลาบานูนย้ายค่ายมาแกรมมี่จึงมีการให้แกรมมี่จัดเก็บลิขสิทธิ์ให้ ช่วงนั้นนักร้องของแกรมมี่จึงร้องเพลงของมิวสิคบั๊กส์ได้ด้วย แต่ภายหลังผู้บริหาร 2 ฝ่ายมีข้อพิพาทกัน และยุติสัญญาเมื่อ 31 ตุลาคม 60 เท่ากับว่า หลังจากนั้นจะไม่สามารถร้องได้อีก

“สิ่งที่ผมไม่ได้รับสารจากแกรมมี่มันอาจจะเป็นความผิดพลาดที่ผมงานเยอะตลอด และเข้าบริษัทน้อยมากเพราะผมทัวร์ตลอด จนไม่ได้ไปรับสารว่าเขาห้ามเล่นเพลงนี้ มันก็คือข้อผิดพลาด แล้วผมพูดแต่แรกแล้วว่าผมพลาด แต่ว่าผมมีความผิดขนาดที่ว่าผมต้อง…ต้องชดใช้โดยการที่แบบถูกรวบหลังงานคอนเสิร์ต ถูกจับขึ้นเครื่องบิน เป็นนักโทษส่งตัวไปกระบี่ ผมมีความผิดขนาดนั้นจริงๆ เหรอครับ”

ภาพ : FB Num KALA

ส่วนกรณีว่าทำไมต้องร้องเพลง “ยาม” ทั้งที่วงกะลาเองก็มีเพลงฮิตหลายเพลง เขายอมรับว่าการเป็นนักร้องเก่ามาร้องเพลงยุคนี้ต้องใช้เพลงที่ดังมากๆ มาช่วยให้การแสดงสนุก

“ต้องอธิบายว่า ผมเป็นนักร้อง 2 ยุค ผมอยู่ในยุค 90 การที่เรามาเล่นคอนเสิร์ตใน พ.ศ.นี้ บางทีเพลงบางเพลงของผมมันไม่สามารถทำให้โชว์สนุกได้ทั้งโชว์ นักร้องรุ่น 90 หลายคนก็จะเอาเพลงคนอื่นมาร้องเพราะต้องการโชว์นั้นสนุกและคนดูสนุกเท่านั้นเอง เพลงยามเป็นเพลงหนึ่งในซูเปอร์ฮิตของประเทศไทยผมจึงเลือกมาร้องเท่านั้นเอง”