
ประเด็น – รวบตัว “เจ๊นินิว” เจ้าของโมเดลลิ่งฉาวจากคลิปตบโคโยตี้ ฐานค้ามนุษย์จัดส่งเด็กไม่ถึง 18 ปีเต้นลามกตามสถานบันเทิง เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ แต่ด้าน ผบก.ปคม. ยันเอาผิดได้ เพราะมีหลักฐานมัดตัวจากการไปจ้อออกทีวี ส่วน “ป๋าเกิด – เมีย” อยู่ระหว่างการติดตามของเจ้าหน้าที่
จากกรณีที่โลกออนไลน์เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ลงโทษของกลุ่มโคโยตี้ด้วยการเวียนกันตบหน้า จากนั้นกลุ่มโคโยตี้ได้เข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับ เจ๊นินิว ผู้ที่ปรากฎในคลิปเป็นคนตบหน้าผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของโมเดลลิ่งที่โคโยตี้สังกัดอยู่ เนื่องจากมีพฤติกรรมค้ามนุษย์ จัดส่งเด็กที่อายุไม่ถึง 18 ปี เต้นโชว์ ตามสถานบันเทิง นอกจากนี้ยังได้แจ้งความเอาผิดกับ ป๋าเกิด ผู้อยู่เบื้องหลังโมเดลลิ่งดังกล่าว มีการบังคับให้สาวโคโยตี้ให้ยอมมีเพศสัมพันธ์ เพื่อแลกกับการได้ทำงาน

ล่าสุด (19 ก.ย.) พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. พร้อมคณะ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนางพรรณวรท ควบคุม หรือ เจ๊นินิว อายุ 34 ปี ชาวจ.นครศรีธรรมราช เจ้าของนินิว โคโยตี้ โมเดลลิ่ง ตามหมายจับศาลอาญา โดยจับกุมตัวได้ที่หน้าสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง(อัมรินทร์ทีวี) ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. เปิดเผยว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาคือนางพรรณวรท หรือ นินิว ยังคงให้การในภาคเสธ แต่ให้การสอดคล้องต้องกันในเรื่องวิธีการและดำเนินการ ซึ่งมีอยู่ 4-5 ร้านที่เป็นเครือข่ายในการนำเด็กมาเต้นเพื่อโชว์คนต่างชาติ ซึ่งแต่ละร้านมีเด็กประมาณ 10 คน โดยจะโชว์ออกไปในทางสื่อลามกอนาจาร ส่วนที่นางพรรณวรท ไปออกอากาศที่ทีวีช่องหนึ่งนั้น จะเป็นหลักฐานอย่างแน่นอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเก็บลิงค์คำพูดไว้หมดแล้ว

ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่ถูกหมายจับ คือ ป๋าเกิด และภรรยานั้น ยังไม่ได้มีการประสานมอบตัวมาแต่อย่างใด ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามของเจ้าหน้าที่ และที่มีกระแสข่าวว่า มีการไปเจรจานอกรอบไม่ให้ผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดกับป๋าเกิดนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีการเจรจากันจริง แต่ไม่ใช่ตัวป๋าเกิดเอง ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของป๋าเกิด โดยการกระทำดังกล่าวไม่ได้มีผลต่อรูปคดีแต่อย่างใด เพราะพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำไว้หมดแล้ว และเข้าข่ายข้อหาค้ามนุษย์อย่างแน่นอน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะมีการคัดค้านการประกันตัว และเตรียมส่งฝากขังที่ศาลอาญารัชดาในช่วงเช้าของวันที่ 21 ก.ย. พร้อมขยายผลตรวจสอบ เพื่อยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดต่อไป









