
ประเด็นคือ – กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด แถลงผลจับกุม ปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 61/2” รวบ 4 เครือข่ายสำคัญ รวมผู้ต้องหา 14 ราย ยึดยาบ้าได้กว่า 3 ล้านเม็ด รวมมูลค่าของกลางกว่า 188 ล้านบาท
วันที่ 18 ม.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม แผนปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 61/2” ปฏิบัติการในห้วงวันที่ 12-19 ม.ค. 61 จำนวน 59 เป้าหมายในพื้นที่ต่างๆ โดยมี 4 เครือข่ายที่สำคัญ ได้แก่ 1. เครือข่าย น.ส.ทิพย์อาภา รักษาแสง จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 60 บก.ขส. และ บก.ปส.4 จับกุม นายสุชาติ แสงตะวัน กับพวกรวม 3 คน พร้อมกัญชา 520 กิโลกรัม จากการขยายผลพบว่า น.ส.ทิพย์อาภา เป็นผู้ควบคุมสั่งการและทำธุรกรรมทางการเงิน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับและหมายค้นเพื่อตรวจยึด

2. เครือข่าย น.ส.ธิดารัตน์ จิตรานนท์ (เครือข่ายไอซ์) จากการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมไอซ์ 2 คดีของ บก.ขส. พบว่ามี น.ส.ธิดารัตน์ เป็นผู้ควบคุมสั่งการและทำธุรกรรมทางการเงิน โดยมีเงินหมุนเวียนกว่า 24 ล้านบาท
3. เครือข่ายม้งเวียงแก่น นายมนตรี วงศ์บุญชัยเลิศ จากการสืบสวนเครือข่ายม้งเวียงแก่น ซึ่งมีนายมนตรีเป็นผู้สั่งการ บก.ปส.3 จึงได้จัดชุดเฝ้าสืบสวนติดตามการลักลอบลำเลียงยาเสพติดสู่พื้นที่ตอนในของเครือข่ายดังกล่าว
และ 4. เครือข่ายเอกอ้วน หรือ นายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ เดิมชื่อนายจรัล คำสด จากปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/6 (ผลพวงแห่งความโลภ) นำไปสู่ปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/1 (เสือสิ้นลาย) ซึ่งยึดทรัพย์ได้ประมาณ 200 ล้านบาท ต่อมาจากการขยายผล ทราบว่า นายทวีศักดิ์ ภู่รุ่งเรืองผล พี่เขยของนายเอกอ้วนจะเป็นผู้ถือครองทรัพย์สินแทน จึงนำไปสู่ปฏิบัติการในครั้งนี้ในตอน “หมดเวลาของเอกอ้วน” เพื่อขยายผลจับกุมกลุ่มเครือข่าย และตรวจยึดทรัพย์สินต่อไป

ผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/2 สามารถจับกุมรวมทั้งสิ้น 9 คดี ผู้ต้องหา 14 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า 3,600,000 เม็ด ไอซ์ 2 กิโลกรัม กัญชา 12 กิโลกรัม โคเคน 770 กรัม ปืน 21 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 1,163 นัด ตรวจยึดทรัพย์สิน รถยนต์ 11 คันมูลค่า 8,200,000 บาท บ้าน 2 หลัง มูลค่า 9,600,000 บาท ที่ดินและคอนโดมิเนียม 37 แปลง มูลค่า 157,000,000 บาท เงินสด 7,965,900 บาท ทองรูปพรรณมูลค่า 2,700,000 บาท และอื่นๆ มูลค่า 2,639,800 บาท รวมมูลค่าการตรวจยึดทรัพย์สิน 188,105,700 บาท

พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยต่อว่า กรณี น.ส.ทิพย์อาภา ที่มีตำรวจยศ พ.ต.ท. มาเกี่ยวข้องนั้น ก็จะต้องมีการตรวจสอบย้อนหลังเนื่องจาก พ.ต.ท. นายดังกล่าวเคยมีคำสั่งให้ช่วยราชการเมื่อครั้งเคยอยู่ สน.มักกะสัน ก่อนที่จะมารับตำแหน่งที่ตำรวจทางหลวงว่ามีความผิดปกติหรือไม่ แต่เชื่อว่า บช.ปส. มีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนได้มีคำสั่งให้กองบัญชาการตรวจสอบข้าราชการตำรวจทุกนายในสังกัด หากพบใครเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็จะไม่เอาไว้ อย่างไรก็ตามในส่วน พ.ต.ท. นั้นได้มีคำสั่งให้ออกไว้ก่อน









