เปิดประวัติเสี่ยอ้วน จากเด็กนวดในห้องน้ำ สู่เจ้าของสถานบันเทิง ก่อนจะตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า 2 ศพ ที่เขาชีจรรย์
จากกรณีคดีสะเทือนขวัญ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 61 คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายอนันตชัย จริตรัมย์ อายุ 20 ปี และ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี จนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเข้าชีจรรย์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ต่อมา นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน อายุ 39 ปี ได้ถูกออกหมายจับ เเละถูกจับกุมในฐานะผู้จ้างวานฆ่า
โดยในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ประวัติของเสี่ยอ้วนว่า เป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ ในช่วงวัยรุ่นได้เดินทางไปทำงานที่สถานบันเทิงที่พัทยา ในปี 41 ขณะที่เขาอายุ 19 ปี ก็ได้ตัดสินใจเดินทางไป จ.ภูเก็ต โดยเริ่มต้นจากอาชีพ “เด็กห้องน้ำ” ทำหน้าที่จัดผ้าเย็น ผ้าร้อน และนวดผ่อนคลายให้กับเหล่าลูกค้าที่เข้ามาปัสสาวะ แลกกับค่าทิปครั้งละสิบ ยี่สิบบาท
ซึ่งจากการทำหน้าที่ตรงนั้น ทำให้เขาสังเกตเห็นลู่ทางในการทำเงินจากห้องน้ำในสถานบันเทิง ที่มีจำนวนมากในจังหวัดภูเก็ต ต่อมาจึงได้ประมูลรับงานส่ง “เด็กห้องน้ำ” ในสังกัด ไปประจำตามสถานบันเทิงต่างๆ ซึ่งธุรกิจดังกล่าวได้ทำเงินให้กับเสี่ยอ้วนจนทำให้มีฐานะเข้าขั้นเศรษฐีในเวลาต่อมา
เมื่อมีทุนมากขึ้น ประกอบกับเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และสั่งสมชั่วโมงบินจากธุรกิจในสถานบันเทิงมาหลายปี ทำให้เขาขยับขยายเข้าสู่ธุรกิจคนกลางคืนอย่างเต็มตัว โดยเริ่มต้นจากบาร์เล็กๆ ในซอยแห่งหนึ่งที่ถนนป่าตอง ก่อนจะขยายกิจการจนมีสถานบันเทิงอีกหลายแห่งในเวลาอันรวดเร็ว
แม้จะประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจ จนเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้าน แต่ในเรื่องความรักกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า โดยมีข้อมูลระบุว่า เสี่ยอ้วนเป็นสายเปย์ตัวยง หากชอบพอหญิงสาวคนใด ก็จะทุ่มเงินให้อย่างไม่อั้น แต่ด้วยความขี้หึง ชอบใช้ความรุนแรง หญิงสาวหลายคนจึงเข็ดขยาด และตีตัวออกหาก อย่างกรณีของ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ ผู้เสียชีวิตนั้น ญาติให้ข้อมูลว่า เสี่ยอ้วนโมโห ที่หญิงสาวไม่เล่นด้วย แต่ก็ไม่คาดคิดว่า ผู้ต้องหาจะโหดเหี้ยมอำมหิตถึงขั้นฆ่าแกงกันได้ลงคอ
ซึ่งจากประวัติระบุว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 59 เสี่ยอ้วนเคยยิงหนุ่มรายหนึ่งเสียชีวิตมาแล้ว แต่สู้คดีว่าเป็นการป้องกันตัว จนสามารถหลุดคดีได้ในที่สุด เนื่องจากทางอัยการไม่สั่งฟ้อง
แต่จากเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เขาชีจรรย์ที่อุกอาจและรุนแรง คนร้ายก่อเหตุกลางวันแสกๆ ท่ามกลางสายตาของนักท่องเที่ยวมากมาย อีกทั้งเป็นคดีที่สังคมกำลังจับตามอง จนกดดันให้เสี่ยอ้วนต้องตัดสินใจหลบหนีในที่สุด ชีวิตพลิกผันจากเศรษฐีร้อยล้าน กลายเป็นผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ ที่มีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต
ทำให้สิ่งที่เขาพยายามสร้างสมมาด้วยความอุตสาหะตลอด 20 ปี ไต่เต้าจาก “เด็กห้องน้ำ” จนสร้างเนื้อสร้างตัวกลายเป็นเจ้าของสถานบันเทิงหลายแห่งใน จ.ภูเก็ต ต้องพังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืน
