
ผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนอื่น แสดงมุมมองหลากหลาย ทั้งข้อดีและข้อเสีย จากการใส่ชุดไปรเวทไปเรียน ขณะที่มุมมองนักวิชาการด้านสังคม การถอดยูนิฟอร์มออก คือการให้อิสระทางความคิด
แม้ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน ปี 2551 เปิดกว้างให้สถานศึกษาแต่ละแห่ง พิจารณาการแต่งเครื่องแบบของนักเรียนได้อิสระ ตามความเหมาะสม แต่ภาพรวมของโรงเรียนในสังกัดกระทรวงฯ ก็ยังคงให้นักเรียนใส่เครื่องแบบ เพื่อความเป็นระเบียบและเอกภาพของสถานศึกษา
การอนุญาตให้นักเรียนสามารถแต่งชุดไปรเวทมาเรียนได้ ในมุมของนักเรียนและผู้ปกครองส่วนหนึ่ง มีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง

“หนูคิดว่าใส่ชุดยูนิฟอร์มก็ได้ เพราะเราอยู่ในสถานศึกษา มันจะดูเรียบร้อย ดูให้เกียรติสถานศึกษา” ณัฐวุฒิ โห้พลอย // นักเรียน ร.ร.ฤทธิยะวรรณาลัย

“เด็กจะแต่งตัวแข่งกัน รองเท้ามียี่ห้อ รองเท้าไม่มียี่ห้อ เสื้อมียี่ห้อ กางเกงมียี่ห้อ แล้วถ้าพ่อแม่มีสตางค์น้อย จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อแข่ง แล้วเด็กเดี๋ยวนี้ล้อกันน่าดูเลย” อังคพัฑ พัฒนสิทธิกร // ผู้ปกครอง

“เราสอนวิธีคิดเด็กดีกว่าค่ะ ถ้าอย่างนั้นมันกลายเป็นชี้แนวเด็กมากกว่า แต่จริงๆ ถ้ามุมแบบนี้มัน…ความคิดที่แตกต่างมันน่าจะสอนให้เด็กรู้ว่า คุณจะคิดแบบไหน ถ้าคิดดี มันจะออกมาดี เด็กก็จะมีความคิดในอีกแบบนึง แต่ถ้าคุณกลัวในสิ่งที่เด็กจะคิดเหลื่อมล้ำ ตรงนั้นมันก็จะทำอะไรไม่ได้แน่” บุณฑริกกา สุระเทวี // ผู้ปกครอง
ขณะที่นักวิชาการด้านสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้มุมมองว่า เครื่องแบบนักเรียน สะท้อนถึงสังคมและระบบการศึกษา ที่บังคับผู้เรียนให้อยู่ในกฎระเบียบ เป็นกลุ่มก้อน แต่ไม่ได้ทำให้เกิดพื้นที่เรียนรู้พัฒนาตัวเอง ซึ่งควรให้อิสระทางความคิดและมิติการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมบนความแตกต่าง

“โดยหลักเลยก็คือว่า มันจะส่งผลกับวิธีคิด การมองความแตกต่างหลากหลายอย่าง คือถ้าเด็กถูกควบคุมจากการใส่ยูนิฟอร์ม มันก็จะมีผลกับวิธีคิดของเขาที่ถูกกรอบ และเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งอื่นๆ ที่มีความแตกต่างหลากหลายได้ รวมไปถึงชนชั้นทางสังคม การที่อยู่กับคนที่มีความแตกต่างหลากหลายในด้านอื่นๆ ทั้งสถานะทางสังคม เศรษฐกิจ เรื่องอื่นด้วย ชนชั้น สีผิว อะไรพวกนี้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่กอปรให้เขามองไม่เห็นพวกนั้น” เคท ครั้งพิบูลย์ // คณะสังคมสงเคราะห์ ม.ธรรมศาสตร์

นักวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยกตัวอย่างสถานศึกษาในระดับสากล รวมทั้งการศึกษานอกระบบว่า เน้นให้ความสำคัญในการเรียนรู้ตัวเองของผู้เรียน มากกว่ายึดใส่เครื่องแบบ เพราะการแต่งกายที่ให้อิสระ เป็นส่วนหนึ่งในนิเวศการจัดการเรียนที่มุ่งให้ผู้เรียน เรียนรู้อย่างมีความสุข และไม่เป็นขีดจำกัดในการพัฒนาตัวเอง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง









