พ่อแม่ “น้ำมนต์” เข้าพบ ตร.กองปราบ ยันไม่เกี่ยวข้องลูกหลอกหนุ่มแต่งงาน

พ่อแม่ “น้ำมนต์” เข้าพบ ตร.กองปราบ ยันไม่เกี่ยวข้องลูกหลอกหนุ่มแต่งงาน

พ่อและแม่ “น้ำมนต์” เข้าพบตำรวจกองปราบปราม ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ไม่รู้เห็นการหลอกลวงขอแต่งงานของลูกสาว ขณะที่ตำรวจยังไม่เปลี่ยนแปลงฐานความผิดในคดีนี้

วันที่ 12 ก.ย. 60 เวลา 09.00น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญเลี้ยง บัวใหญ่ อายุ 72 ปี และนางสำรอง บัวใหญ่ อายุ 69 ปี พ่อและแม่ของ นางสาวริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือ น้ำมนต์ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงโดยการหลอกลวงเจ้าบ่าวแต่งงาน ก่อนหอบเงินค่าสินสอดหนีไป เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บังคับการกองปราบปราม ที่ กองบังคับการปราบปราม ( บก.ป.) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมกับลูกสาวก่อเหตุ และถูกตำรวจออกหมายเรียก

โดยนายบุญเลี้ยง เปิดเผยว่า ไม่เคยได้ผลประโยชน์จากการแต่งงานของลูกสาว ที่ผ่านมาเคยไปร่วมงานแต่งงานของลูกสาวมาแค่ 4 ครั้ง โดยลูกสาวเป็นคนออกเงินค่าเดินทางไป-กลับให้ งานแต่งงานแต่ละครั้ง เห็นว่าทำไปอย่างถูกต้องตามประเพณี มีฝ่ายเจ้าบ่าวมาทำเรื่องสู่ขอ จึงไม่รู้สึกผิดปกติใดๆ ส่วนเรื่องที่ลูกสาวแต่งงานหลายครั้ง ยอมรับว่าเคยสอบถามเรื่องนี้จริง แต่ลูกสาวมักอ้างว่า ได้เลิกกับคนเก่าแล้วมาคบกับคนใหม่ ซึ่งเห็นว่าลูกสาวมีอายุเยอะแล้ว เรื่องความรักเป็นเรื่องส่วนตัว อีกทั้งไม่ได้มีลูกสาวเพียงคนเดียว จึงไม่ได้ขัดข้อง เนื่องจากครอบครัวก็ประกอบอาชีพหาเช้ากินค่ำ และไม่เคยกำหนดเงินค่าสินสอดใดๆ  ส่วนเงินค่าสินสอดที่ฝ่ายชายนำมาหมั้นหมายได้คืนให้ลูกสาวไปทำทุนทั้งหมด

นอกจากนี้งานแต่ละครั้ง ก็ไม่ได้พาญาติคนอื่นไปด้วย เพราะปัญหาทางการเงิน ส่วนเรื่องประเด็นที่ลูกสาวเปลี่ยนไปใข้ชื่อของ นางสาวสร้อยเพชร และเรื่องที่ทนายสงกานต์พาเหยื่อถูกหลอกฝากเข้าทำงาน โดยมีพ่อและแม่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยนั้น ปฏิเสธว่าไม่ทราบในรายละเอียดและยังไม่อยากขอพูดถึงเรื่องนี้ ทั้งนี้ ที่เดินทางมาพบตำรวจกองปราบก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่า ไม่ได้รู้เห็นหรือตั้งใจหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใด

ขณะที่ด้าน พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า เบื้องต้นทั้งสองไม่ได้เดินทางเข้ามาตามหมายเรียก แต่เป็นความสมัครใจที่ต้องการเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง โดยทางกองปราบปรามจะทำการสอบปากคำไว้ในเบื้องต้นและจะส่งข้อมูลการสอบปากคำไปให้พนักงานสอบสวนที่ต้องสอบปากคำพ่อและแม่ของน้ำมนต์ต่อไป ส่วนเรื่องที่ทนายสงกานต์นำผู้เสียหายมาร้องทุกข์เพิ่ม โดยเฉพาะประเด็นการวิ่งเต้นฝากเข้าทำงาน เรื่องดังกล่าว ปัจจุบันหลุดพ้นอำนาจของพนักงานสอบสวนไปแล้ว อยู่ในการพิจารณาคดีของชั้นศาล จึงไม่สามารถนำมาดำเนินคดีได้อีก ส่วนประเด็นเรื่องที่น้ำมนต์มีการปลอมใช้ชื่อของนางสาวสร้อยเพชร เรื่องดังกล่าวก็ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่านางสาวสร้อยเพชร มีส่วนรู้เห็นกับพฤติกรรมกระทำผิดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การกระทำของผู้ต้องหายังอยู่ในฐานความผิดเดิม คือฐานฉ้อโกง ยังไม่มีเหตุให้ต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลงฐานความผิดอื่นแต่อย่างใด

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง