
ประเด็นคือ – ตาวัย 84 ปี คว้าปืนยิงหลานชายเเท้ๆ ที่เลี้ยงดูมาตั้งเเต่เล็กๆ ดับ ก่อนนำศพไปฝังอำพราง เผย ถูกหลานขู่ฆ่า ถือมีดปลายมัดตรงปรี่เข้าหา จึงจำต้องยิง เพื่อป้องกันตัว
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ม.ค. 61 ร.ต.อ.พิทักษ์ ชมนาวัง รองสว.สส.สภ.แก้งคร้อ รับแจ้งเหตุจาก นายมี ดังชัยภูมิ อายุ 84 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ที่ 8 ตำบลโคกล่าม อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เดินทางมาพบเและแจ้งว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 61 เวลา 19.00 น. ช่วง 5 วันที่ผ่านมา ตนเองได้มีเรื่องทะเลาะกับหลานชายแท้ๆ ซึ่งเป็นลูกของลูกสาว
และได้ใช้อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ยิงหลานชาย ชื่อนายนพรัตน์ บัวคำ อายุ 25 ปี เสียชีวิต ที่บริเวณหน้ากระท่อมกลางทุ่งนา ในหมู่ 8 หลังก่อเหตุได้ลากศพหลานชายไปฝังไว้กลางไร่มันสำปะหลัง และนำอาวุธปืนไปฝังไว้กลางทุ่งนาห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร
จากนั้นก็ทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผ่านมากว่า 5 วัน มีชาวบ้านใกล้เคียงเริ่มถามหานายนพรัตน์ หลานชาย ซึ่งหายหน้าไปหลายวัน จนตนเองเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ และได้เกิดสำนึกผิดจึงเดินทางมามอบตัวกับตำรวจ

ร.ต.อ.พิทักษ์ ชมนาวัง ได้รายงานไปยัง พ.ต.อ.จาตุรนต์ ตระกูลปาน ผกก.สภ.แก้งคร้อ และพ.ต.ท.นิวัต ศิลปะชีวสันติ รอง.สส.ผกก.พร้อมด้วย จนท.อาสาสกู้ภัยและแพทย์เวรจากรพ.แก้งคร้อ ได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันทีในช่วงเวลา 11.00 น. วันนี้ (25 ม.ค.)
เมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้เดินนำ จนท.ไปชี้จุดที่นำศพหลานชายไปฝังไว้ จากนั้นจึงได้ให้ จนท.อาสาสมัครกู้ภัยช่วยขุดนำศพขึ้นมา และให้นายมีนำไปค้นหาอาวุธปืนที่ฝังไว้กลางทุ่งนา เพื่อเก็บเป็นหลักฐานประกอบคดี เสร็จสิ้นใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง
จากการสอบสวนนายมีให้การว่า ผู้ตายเป็นลูกของลูกสาว ที่ตนนำมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กจนโตเป็นหนุ่มวัยรุ่น เนื่องจากแม่ผู้ตายนั้นไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งผู้ตายไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง และมักแอบขโมยข้าวเปลือกที่ตนทำนาได้มาปีละครั้งนำไปขายเอาเงินไปเที่ยวเตร่เป็นประจำ ที่ผ่านมาตนก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนมาตลอด
ในวันเกิดเหตุ ตนได้มีปากเสียงทะเลาะกับหลานชายทางโทรศัพท์อย่างรุนแรง จนช่วงหัวค่ำนายนพรัตน์ได้ขี่ จยย.มาหาตนที่บ้าน หลังจากจอดรถก็ได้วิ่งปรี่เข้ามาหาตนพร้อมด้วยอาวุธมีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต พร้อมกับตะโกนว่า ไอ้แก่วันนี้เป็นวันตายของ…

ซึ่งขณะนั้นตนยืนอยู่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นหลานชายตะโกนขู่ฆ่าพร้อมกับถือมีดปรี่เข้ามา จึงตัดสินใจหยิบอาวุธปืนสั้นลูกซองไทยประดิฐษ์เบอร์ 12 ยิงสวนเพื่อป้องกันตัวไปหนึ่งนัด ปรากฏว่ากระสุนเจาะเข้าบริเวณหน้าอกของหลานชาย ขาดใจตายในที่เกิดทันที
หลังจากนั้นตนเกิดกลัวความผิดจึงได้ลากศพหลานชายไปฝังในไร่มันและนำปืนไปฝังดินในที่นา และใช้ฟางก่อไฟเผากองเลือดที่เกิดจากรอยลากศพเพื่อทำลายหลักฐานดังกล่าว
ด้านร.ต.อ. พิทักษ์ ชมนาวัง เจ้าของคดี กล่าวว่า หลังตรวจสอบหลักฐานตามคำให้การทั้งหมดแล้ว จึงได้นำตัวนายมีทำแผนประกอบคำรับสารภาพและได้ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้นอำพรางศพและครอบครอง หรือมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ต้องหายอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป









