
ประเด็นคือ – ศุลกากร ยึดพัสดุสำแดงเท็จเป็น “กระเพาะปลา” เปิดกล่องผงะ ! พบ “งาช้าง” จากประเทศคองโก และเกล็ดลิ่น มูลค่ารวมกว่า 11 ล้านบาท
กรมศุลกากร เปิดเผยผลการจับกุมงาช้างนำเข้าผิดกฎหมายมูลค่ามหาศาล เมื่อวันที่ 9 พ.ย.60 โดยเจ้าหน้าที่ศุลการได้ตรวจยึดงาช้าง 4 กิ่ง 39 ท่อน น้ำหนักรวม 116 กิโลกรัม และเกล็ดลิ่นอีก 15 กิโลกรัม รวมมูลค่าทั้งหมด 11,750,000 บาท บรรจุอยู่ในกล่องพัสดุ ที่มาจากเมืองกินชาซา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย


กล่องพัสดุดังกล่าวถูกส่งมาถึงไทยเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยสำแดงหน้ากล่องพัสดุเป็น Fish maws หรือ กระเพาะปลา 3 หีบ แต่เนื่องจาก ประเทศต้นทางพัสดุ เป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่มักลักลอบค้าสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่จึงอายัด และ นำเข้าเครื่องเอกซเรย์ ปรากฎว่า ภาพวัตถุคล้ายงาช้าง จึงรอผู้มารับพัสดุดังกล่าว แต่ไม่มีผู้ใดมาแสดงตัว

จนกระทั่งวันที่ 7 พ.ย.60 เจ้าหน้าที่ศุลกากร จึงแจ้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ ร่วมเปิดกล่องดังกล่าว พบงาช้างและเกล็ดลิ่น ซุกซ่อนมา จึงได้ยึดของกลางไว้ โดยใช้กฎหมาย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และส่งให้ กรมอุทยานฯ เก็บรักษา ขณะที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้เก็บรายละเอียดต่างๆ เพื่อใช้ประกอบการ ติดตามผู้กระทำความผิด

เบื้องต้นพบความเชื่อมโยง กับคดีลักลอบนำเข้างาช้าง เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2560 เพราะมีต้นทางจากคองโกเช่นกัน นอกจากนี้กรมศุลกากร เปิดเผยสถิติการตรวจยึดสินค้านำเข้าและส่งออกที่ละเมิดอนุสัญญาไซเตส จำพวกสัตว์ป่า พืชป่า ใกล้สูญพันธุ์ ที่รวบรวมไว้ตั้งแต่ตุลาคม 2559 จนถึงปัจจุบัน มี 46 คดี มูลค่าของกลางประมาณ 350,000,000 บาท ซึ่งงาช้างเป็นของกลางในคดีมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ถึง 9 คดี









