
ประเด็นคือ – ตำรวจ สภ.ชะอำ จับหนุ่มใหญ่ขับรถฟอร์จูเนอร์ตระเวนงัดตู้เติมเงิน และรวบหนุ่มเช่ารถจักรยานยนต์ส่งขายนายหน้าชาวกัมพูชา
วันที่ 14 พ.ย. 60 พ.ต.อ.วิศาล พันธุ์มณี รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมสอบปากคำ นายสุทธิ กันสุธา อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาในคดีก่อเหตุงัดตู้เติมเงินโทรศัพท์บุญเติม ที่ร้านขายจักรยานนิมิตไบค์ หน้าค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และนายเอกชัย เครือแก้ว ผู้ต้องหาลักรถจักรยานยนต์ในเขตพื้นที่ชะอำ
โดยการจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรชะอำ ได้รับแจ้งมีผู้ก่อเหตุงัดตู้เติมเงินโทรศัพท์บุญเติม ที่ร้านขายจักรยานนิมิตไบค์ จึงเดินทางไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบคนร้ายเป็นชายขับรถโตโยต้าฟอร์จูเนอร์สีขาว มาจอด และเดินลงไปใช้เหล็กชะแลงยาวประมาณ 95 ซม. งัดตู้เติมเงินดังกล่าวแล้วหลบหนีไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 60 เจ้าหน้าที่ได้ขยายจับกุมตัวได้ที่ภายในโครงการบ้านพักอาศัยทรัพย์มงคล เลขที่ 839/44 ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สอบสวนนายสุทธิ รับสารภาพว่า ตนพักอาศัยอยู่ที่บ้านพี่สาวเพียงคนเดียว แต่พี่สาวของตนได้ไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ และปกติพี่สาวจะส่งเงินมาให้ตนใช้ทุกเดือน แต่ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาพี่สาวไม่ยอมส่งเงินมาให้ ทำให้ตนไม่มีเงินใช้ จึงขับรถโตโยตาเฟอร์จูเนอร์ของพี่สาวออกไปก่อเหตุ ได้เงินมาจำนวน 2,000 บาท เพื่อนำเงินไปกินใช้และเสพยา
และในวันเดียวกัน นางสุภัค คงสิงห์ ได้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน แจ้งความร้องทุกข์ว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย.60 นายเอกชัย เครือแก้ว มาขอเช่ารถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิกไอ และเมื่อถึงกำหนดนายเอกชัยไม่ยอมนำรถมาส่งคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวสระแก้ว ให้ออกตามหา และก็มาพบตัวนายเอกชัย และรถจักรยานยนต์ของกลางที่หน้าธนาคารกรุงไทย สาขาโรงเกลือ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปรับตัวมาทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรชะอำ
สอบสวนนายเอกชัย รับสารภาพว่า ได้เช่ารถจักรยานยนต์มาจากพื้นที่ชะอำจริง เพื่อนำมาขายต่อให้กับนายหน้าชาวกัมพูชา ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่ถูกจับกุมเสียก่อน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหานายสุทธิ ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นคุ้มครองโดยใช้พาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำและพาทรัพย์ไป และเสพยาเสพติดให้โทษโดยผิดกฎหมาย และแจ้งข้อหานายเอกชัย ในข้อหาลักทรัพย์ จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป










