
ประเด็นคือ – จนท.ร่วมกันจับกุมสาววัย 34 ปี อดีตพริตตี้ ในข้อหาฉ้อโกง หลังจากประกาศขายตั๋วเที่ยวสิงคโปร์ผ่านสื่อโซเชียล เเต่พอผู้เสียหายโอนเงินมาให้เเล้ว กลับไม่ยอมส่งตั๋วให้
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 24 ก.พ.61 พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.มอบหมายสั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. ฯลฯ จับกุมตัว น.ส.เพ็ญพักตร์ โตศิริ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 ม.1 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.338/2559 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2559 กระทำความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
ด้านพ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส สว.กก.2 กล่าวว่า ในการจับกุมนางสาวเพ็ญพักตร์ ซึ่งเป็นอดีตสาวพริตตี้ เพราะมีประชาชนไปแจ้งความไว้ที่ตำรวจกองปราบปรามว่า ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติการณ์เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ด้วยการทำทีลงประกาศโฆษณาขายบัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศสิงคโปร์ ผ่านทางเว็บไซต์ในราคาถูก
ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่า เดิมทีมีกำหนดจะเดินทางไปเที่ยวฉลองเรียนจบปริญญาโทกับกลุ่มเพื่อนๆ แต่ติดปัญหาผลสอบไม่ผ่าน ต้องทำรายงานส่งอาจารย์เพิ่มเติมเร่งด่วน จึงไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนๆได้ ต้องการขายบัตรดังกล่าวทั้งนี้เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงซื้อบัตร พร้อมกับโอนเงินค่าบัตรเข้าบัญชีธนาคารให้กับผู้ต้องหา แต่กลับไม่ได้รับบัตรท่องเที่ยวตามที่ตกลงกันไว้
เมื่อติดต่อกลับไปยังผู้ต้องหาก็ถูกบ่ายเบี่ยง โดยอ้างว่าติดธุระกำลังจะจัดส่งไปให้ ก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด ผู้เสียหายจึงได้รู้ตัวว่าถูกหลอก พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส กล่าวอีกว่า หลังจากได้รับทราบเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.เพ็ญพักตร์ได้พักอยู่ที่ภายในหมู่บ้านย่าน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และจะเดินทางไปงานศพญาติ จึงกระจายกำลังสุ่มดักสกัดตามจุดนัดหมาย กระทั่งเมื่อพบผู้ต้องหาจึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้ดังกล่าว

จากการสอบสวนน.ส.เพ็ญพักตร์ ให้การว่าตนเองเคยเป็นพนักงานต้อนรับร้านอาหารและพริตตี้โชว์ตัวตามงานอีเว้นท์ต่างๆ พร้อมกับปฏิเสธด้วยว่า ไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ได้มีนายต่อ น้องชายเข้ามาขอยืมใช้หมายเลขบัญชีธนาคารของตนเอง โดยอ้างว่าจะมีคนโอนเงินเข้ามาใช้หนี้ แต่ไม่ต้องการให้แฟนรู้ ตนจึงให้ยืมไป
ซึ่งที่ผ่านมาได้มีคนโอนเงินเข้ามายังบัญชีของตนเองหลายครั้ง และได้ทำการโอนเงินในส่วนดังกล่าวไปให้กับนายต่อทั้งหมดอีกที ซึ่งไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นเงินเกี่ยวกับอะไร เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ต้องหารายนี้เคยมีประวัติถูกจับดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง เมื่อปี 2557 ในท้องที่ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง หลังทำการหลอกลวงผู้เสียหายในพื้นที่ กทม.ให้ร่วมลงทุนเปิดร้านขายกาแฟสดใน จ.ระยอง จากนั้นแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป









