
รวบแล้ว คุณร้ายมอมยาสาวแบงก์ระยอง ได้หน้าห้างหลักสี่พลาซ่า กรุงเทพฯ สารภาพรู้จักทางบีทอล์ก กับสาวแบงก์เพียง 1 สัปดาห์ ก่อนจะเช่ารถลงมาก่อเหตุเพียงคนเดียว รับเคยก่อเหตุกับผู้หญิงมาแล้ว 4 ราย ในทำนองเดียวกัน ก่อนจะพบทรัพย์สินในห้องพักหลายรายการ จึงจับกุมตัวดำเนินคดี
จากกรณี ที่ น.ส.ส้ม (นามสมมุติ) จนท.ธนาคารแห่งหนึ่ง จ.ระยอง ได้ถูกคนร้ายเป็นชาย ขับรถปาเจโร่ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน มอมยา ขณะนั่งดื่มไวน์ภายในคอนโดเเห่งหนึ่งที่ ต.เนินพระ อ เมือง จ.ระยอง ก่อนจับแก้ผ้า มัดมือ แล้วกวาดทรัพย์สิน เป็นสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ เงินสด แหวนเพชร และโทรศัพท์ 3 เครื่อง มูลค่ากว่าแสนบาท ขับรถหนีลอยนวล

ล่าสุด วันที่ 23 มิ.ย. 61 พ.ต.อ.ดำรงค์ อ้วนสูงเนิน ผกก.สภ.เมือง ระยอง ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางตำรวจได้สืบจนทราบถึงผู้ต้องหา จึงได้ขออนุมัติหมายศาลจับกุม นายอนันต์ ทวีคูณ หรือเล็ก อายุ 43 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.อ่างทอง จึงพยายามแกะรอยจนสามารถทราบเบาะแสว่าอยู่ในพื้นที่เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ
ต่อมา พ.ต.ท.ธีระพงษ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองระยอง พร้อมกำลังตำรวจชุดสายสืบได้เดินทางไปตรวจสอบในพื้นที่ตามที่ได้เบาะแสมา จนกระทั่งพบตัวนายอนันต์เดินอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าหลักสี่พลาซ่า เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที โดยที่นายอนันต์ไม่ได้ต่อสู้ขัดขืน จึงควบคุมตัวพาไปยังห้องพักที่อยู่ใกล้เคียง ตรวจค้นภายในห้องพบทรัพย์สินของ น.ส.ส้ม หลายรายการ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
โดยนายอนันต์ยอมรับสารภาพว่า ตนเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจริง และก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยเช่ารถยนต์พร้อมคนขับมาจากกรุงเทพ โดยที่คนขับไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำดังกล่าว หลังก่อเหตุก็เดินทางกลับมายังที่พัก ใช้ชีวิตตามปกติ
ซึ่งผู้ต้องหาเล่าว่า ได้แชตกับสาวแบงก์ผ่านบีทอล์ก 1 สัปดาห์ เมื่อเห็นเหยื่อหลงเชื่อ จึงวางแผนและลงมือมอมยา โดยใส่ยานอนหลับในไวน์ พอหมดสติได้ข่มขืนเหยื่อ ก่อนจะกวาดทรัพย์สินหนีออกจากห้องไปทันที โดยมัดมือเหยื่อไว้ด้วย

พร้อมทั้งสารภาพว่า เคยก่อเหตุในรูปแบบดังกล่าวกับผู้หญิงผ่านการแชทบีทอล์ก จนฝ่ายหญิงหลงเชื่อ ก่อนลงมือในทำนองเดียวกัน แต่เนื่องจากเหยื่อที่ถูกตนก่อเหตุที่ จ.เชียงใหม่ พัทยา และ ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเหยื่อทั้ง 3 ได้แจ้งความไว้ แต่ไม่มีหลักฐาน กระทั่งมาก่อเหตุกับสาวแบงค์เป็นรายที่ 4
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมหลักฐานกลับมายัง สภ.เมือง ระยอง เพื่อดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์ และข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น ฯลฯ ซึ่งจะมีการประสานให้ทางผู้เสียหายที่ถูกก่อเหตุก่อนหน้านี้มาชี้ตัวยืนยันด้วย









