ประเด็นคือ – จากกรณีที่พ่อเลี้ยงอ้างว่า ด.ช. 2 ขวบ กินขนม “อาลัว” ติดคอเสียชีวิต แต่ จนท.ตรวจพบเลือดคั่งในสมองเด็ก แม่สารภาพตบศีรษะลูกจนเสียชีวิต เหตุโมโหที่ลูกร้องไห้ไม่หยุด
วันที่ 14 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ ด.ช. วัย 2 ขวบเศษ กินขนมอาลัวแล้วติดคอเสียชีวิต ตามที่พ่อเลี้ยงให้การ ล่าสุดผลการผ่าพิสูจน์ศพออกมาว่า เด็กมีเลือดออกในสมอง คาดว่าน่าจะถูกทำร้ายร่างกายตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.กบินทร์บุรี สามารถจับกุมตัว นายนิสสรณ์ ทาชมพู อายุ 23 ปี (พ่อเลี้ยง) และ น.ส.ปาณิศา พลีใหญ่ อายุ 19 ปี (มารดา) มาที่ สภ.กบินทร์บุรี จากนั้นจึงได้ตรวจหาสารเสพติดสองสามีภรรยา จากการตรวจสอบพบมีสารเสพติดในร่างกายทั้งสองคน
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ ชัยรักษา ผกก.สภ.กบินทร์บุรี ได้นำตัวสองสามีภรรยามาทำการสอบสวน ในเบื้องต้นทั้งสองให้การรับสารภาพว่าเสพยาเสพติดจริง เนื่องจากเกิดอาการเครียดที่ลูกเสียชีวิต มีความกลุ้มใจเพราะถูกสังคมประณามว่าไม่รักลูก ทำให้ลูกต้องเสียชีวิต
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของลูก น.ส.ปาณิศา ยอมรับสารภาพว่าในช่วงวันเกิดเหตุ ลูกร้องไห้ไม่ยอมหยุด จึงใช้มือตบที่บริเวณกลางศีรษะไป 1 ครั้ง แต่ลูกเอามือจิกผมของตน จึงบันดาลโทสะใช้มือตบกระหน่ำลงไปอีก 2 ครั้ง จนลูกเงียบ หยุดร้อง ต่อมาตนเองจึงได้ฝากลูกไว้กับสามีเพื่อไปช่วยงานที่บ้านแม่ของสามี ไม่นานก็ได้รับโทรศัพท์ว่า ขนมติดคอลูก ทางญาติและสามีจึงนำลูกส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรีและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการชันสูตรของแพทย์พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตของลูกเกิดจากเลือดคั่งในสมอง จนเป็นเหตุให้ลูกเสียชีวิต ในเรื่องนี้ตนเองยอมรับว่าเกิดจากที่ตนเองบันดาลโทสะ แต่ตนก็รักลูกและเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ ชัยรักษา จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับ น.ส.ปาณิศา รวม 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย กระทำความรุนแรงคนในครอบครัว และเสพสารเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ส่วนนายนิสสรณ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาเพียง เสพสารเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ต่อมา ร.ต.อ.วัชรพงษ์ จำนงอุดม รอง สว.(สอบสวน) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี ได้นำตัวสองสามีภรรยาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหากลับมาควบคุมตัว ที่ สภ.กบินทร์บุรี เพื่อส่งตัวฝากขังศาลจังหวัดกบินทร์บุรีต่อไป
