อดีตนักมวยดังต่อยพ่อดับคาบ้าน ลั่นไม่ขอขมาศพ ด้านตำรวจค้นรถพบยาโรคประสาท คาดว่าเป็นคน 2 บุคลิก
จากกรณีตำรวจได้ควบคุมตัว นายอาทิตย์ ท้าวแสง อายุ 37 ปี อดีตนักมวยชื่อดัง ฉายาในวงการคือ “ขุนศึก พีเอ็นยิม” ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่า นายไพศาล ท้าวแสง อายุ 66 ปี พ่อแท้ๆ โดยใช้มีดฟันเข้าที่ใบหน้า ศีรษะ และลำคอจนเสียชีวิต แล้วทิ้งศพไว้หลายวัน โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 61 ตำรวจจับตัวได้ที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งภายในซอยลาดพร้าว 126 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา
https://www.youtube.com/watch?time_continue=196&v=_PlQEK8LjXw
(5 พ.ค.) ที่ สภ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ตำรวจได้ทำการตรวจสอบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ เพื่อหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุฆาตกรรมนายไพศาล เบื้องต้นพบว่าภายในรถมียาประจำตัวเกี่ยวกับโรคทางระบบประสาทของผู้ต้องหาอยู่ด้วย พบเป็นยาจากจิตเวชตั้งแต่ปี 2559
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหายังไม่ยอมให้ความร่วมมือกับตำรวจ โดยอ้างว่าไม่ได้ฆ่าพ่อแต่ยอมรับว่าทำร้ายพ่อจริง การสอบสวนพบว่าก่อนนายไพศาลจะถูกฆ่าตาย ผู้เสียชีวิตได้โทร.ไปบอกลูกสาวว่านายอาทิตย์ไม่หลับไม่นอน มีอารมณ์ฉุนเฉียว จึงเชื่อว่าพ่อลูกน่าจะมีเรื่องกัน ซึ่งนายอาทิตย์รับสารภาพว่า พ่อด่าจึงต่อยพ่อจนล้มลงกับพื้นในห้องครัว หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้
ทางตำรวจเผยว่า การสอบสวนนายอาทิตย์ถือว่าสมบูรณ์แล้ว ส่วนพยานหลักฐานที่มีก็ครบถ้วน สามารถเอาผิดนายอาทิตย์ได้ แต่ไม่สามารถเอาตัวไปทำแผนได้ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ยินยอม แม้กระทั่งขอขมาผู้เสียชีวิตนายอาทิตย์ก็ไม่ยอมทำเช่นกัน ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไว้ในห้องขังภายใน สภ.หนองเรือ เพื่อส่งฝากขังที่ศาลในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและฆ่าบุพการี
ส่วนอาการของนายอาทิตย์ เป็นลักษณะคน 2 บุคลิก พูดจาสื่อสารรู้เรื่อง ขับรถยนต์ไปไหนคนเดียวได้ แต่อีกด้านคือไม่ชอบคนจู้จี้ขี้บ่นและยุ่งกับพื้นที่ส่วนตัว จากการสอบประวัติย้อนหลังกับคนใกล้ชิดทราบว่า ผู้ต้องหาเดิมมีอาชีพเป็นนักมวย และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทจนต้องเลิกชกมวย จากนั้นก็กลับมาอยู่บ้านเกิดกับพ่อแม่
ขณะที่ญาติผู้ต้องหาก็ยังให้การอีกว่า ผู้ต้องหาเคยมีภรรยา และเมื่อมีอารมณ์โมโหจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ลงมือทำร้ายร่างกายภรรยาจนต้องแยกทางกันไป
ทั้งนี้ ตำรวจจะนำตัวให้จิตแพทย์วินิจฉัยทางจิตว่า เป็นโรคทางระบบประสาทที่ทำให้เป็นคนสองบุคลิกที่โมโหร้ายจริงหรือไม่ และจะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
