ประเด็นคือ – ตำรวจจับผู้ต้องหาเมากัญชา ก่อเหตุใช้แฮนด์รถจักรยาน ทุบรถยนต์หรู 3 คัน กลางเมืองขอนแก่น ขณะเข้าจับกุมพบบ้องกัญชา กัญชาพร้อมเสพ คนใกล้ชิดบอกผู้ก่อเหตุชอบเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม ทั้งรถจักรยาน สเก็ตบอร์ด แต่ครอบครัวไม่ซื้อเจ็ทสกีให้ จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
จากกรณีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะที่ชายขับรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ มิวเซเว่น สีขาว มาจอดที่บริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง บนถนนศรีนวล ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ก่อนจะลงมาจากรถพร้อมกับถืออาวุธลักษณะคล้ายท่อนเหล็ก (แฮนด์รถจักรยาน) ทุบรถหรู 3 คัน ในพื้นที่เมืองขอนแก่น ประกอบด้วย รถมินิคูเปอร์ สีเหลือง เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 61 รถแลนด์โรเวอร์ สีแดง เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 61 และรถเบนซ์ สีบรอนซ์เทา เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 61
ซึ่งทั้งหมดพบพฤติการณ์เดียวกันคือ ขับรถมิวเซเว่น สีขาว มาจอดใกล้ๆ กับรถของเหยื่อ แล้วเปิดประตูรถลงมาพร้อมอาวุธ 1 ชิ้น เดินตรงเข้าไปทุบรถหรูทั้ง 3 คัน จนได้รับความเสียหาย ก่อนจะเดินกลับขึ้นรถแล้วขับออกไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่ได้หยิบฉวยของมีค่าใดๆ ไปด้วย หลังเกิดเหตุเจ้าของรถได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
https://www.youtube.com/watch?v=EOBPqKSOKCQ
ล่าสุดวันนี้ (6 มี.ค. 61) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมด้วยตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ก่อเหตุในคดีดังกล่าว ทราบชื่อคือ นายคมสัน ดิเรกฤทธิ์ อายุ 35 ปี ลูกชายเจ้าของร้ายขายนาฬิกาชื่อดังในอำเภอเมืองขอนแก่น พร้อมของกลางที่ใช้ก่อเหตุ ได้แก่ เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ และแฮนด์รถจักยาน BMX พร้อมของกลาง เสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ รถยนต์อีซูซุ มิวเซเว่น สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 315 ขอนแก่น ที่ผู้ต้องหาใช้ขับไปก่อเหตุ บ้องกัญชา 1 ชุด กัญชาที่ซอยแล้วจำนวนหนึ่ง พร้อมอุปกรณ์การเสพ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เข้าจับกุม ภายในบ้านพักนายคมสัน ซึ่งระหว่างการเข้าจับกุม พบนายคมสันกำลังขะมักเขม้นซ่อมรถจักรยาน BMX อยู่ภายในห้องนอน และมีบ้องกัญชาทำจากขวดพลาสติก 1 ชุด พร้อมกัญชาที่ถูกซอยแล้วจำนวนหนึ่ง
จากการสืบสวนสอบสวน ทราบว่า ในวันเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้เสพกัญชาจนมีอาการทางประสาท ก่อนที่จะขับรถไปก่อเหตุด้วยการทุบรถยนต์ของชาวบ้านจนได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ประเด็นที่ว่าทำไมจึงต้องเป็นรถหรูนั้น ผู้ต้องหาบอกแต่เพียงว่าอยู่ในอาการหลังเสพกัญชา จึงลงมือก่อเหตุโดยที่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นรถอะไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แกะรอยจากกล้องวงจรปิดจนได้พยานหลักฐานมัดตัวผู้ก่อเหตุ จนนำไปสู่การออกหมายจับ
เบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธ แต่ญาติของผู้หาได้ให้การยืนยันว่าบุคคลในภาพเป็นผู้ต้องหาจริง และยังพบว่าผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมในคดียาเสพติดเมื่อปีที่ผ่านมา และมีพฤติการณ์ใช้ยาเสพติด ทำให้มักมีอาการคลุ้มคลั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นคนที่ชอบเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม ทั้งรถจักรยาน สเก็ตบอร์ด จากข้อมูลของเพื่อนที่ร่วมเล่นกีฬาด้วยกันนั้นทราบว่า ในระยะหลังผู้ต้องหาอยากได้เจ็ทสกี แต่ครอบครัวไม่ยอมซื้อให้ จึงเป็นเหตุให้ตัวผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์และมียาเสพติดประเภทที่ 5 ไว้ในครอบครองเพื่อเสพและจำหน่าย ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
