
วันที่ 6 มิ.ย. 61 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ อ่านคำสั่งที่ ช 19/60 ในคดีชันสูตรพลิกศพของนายชัยภูมิ ป่าแส ที่มีพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้ร้อง โดยมีกลุ่มญาติของนายชัยภูมิและทีมทนายความจากศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น กว่า 20 คน เข้าร่วมฟัง ศาลมีคำสั่งชี้ข้อเท็จจริงว่านายชัยภูมิเสียชีวิตเพราะถูกพลทหารสุรศักดิ์ รัตนวรรณ ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง กระสุนปืนทำให้นายชัยภูมิถึงแก่ความตาย พร้อมระบุสถานที่การเสียชีวิตที่ด่านบ้านรินหลวง ส่วนประเด็นเรื่องเป็นการยิงป้องกันตัวเพราะชัยภูมิจะทำร้ายเจ้าหน้าที่หรือไม่ ศาลไม่ได้วินิจฉัย
ฝ่ายทนายความของชัยภูมิ ยังเรียกร้องให้ทหารยอมนำภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าสู่สำนวนคดี หลังจากตัวฮาร์ดดิสก์ที่เคยมอบให้พนักงานสอบสวนไม่พบภาพในวันเกิดเหตุ ต่างกับที่ผู้เกี่ยวข้องเคยบอกว่า หลักฐานอยู่ในชั้นศาลแล้ว ไม่สามารถเปิดเผยได้

ชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมด้านชาติพันธุ์ชาวลาหู่ ถูกทหารยิงเสียชีวิต 17 มี.ค.60 ทหารประจำด่านบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ อ้างว่า ขณะตรวจค้นรถของชัยภูมิและเพื่อน พบยาเสพติดจำนวนหนึ่ง ระหว่างนั้นผู้ตายพยายามจะหลบหนีและขว้างระเบิดใส่จึงใช้ปืนยิงแต่ญาติและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งข้อสงสัยว่า เจ้าหน้าที่รัฐอาจจะกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะผู้ตายไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขณะที่ข้อมูลจากหลายสื่อที่สัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์ ให้ข้อมูลว่า ชัยภูมิ ไม่มีอาวุธ เมื่อเห็นไม่ตรงกันหลักฐานสำคัญที่จะยืนยันได้ คือ กล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุ ที่ระบุว่ามีถึง 9 ตัว

วันที่ 28 มีนาคม 2560 พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เผยถึงกรณีภาพจากกล้องวงจรปิด ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดเเล้ว แต่ไม่สามารบอกได้ว่าใครผิด เพราะไม่สามารถตอบโจทย์ทั้งหมดได้ ซึ่งให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการเพราะถือว่าเป็นพยานหลักฐานชิ้นหนึ่ง

วันที่ 23 มีนาคม 2560 พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า ทหารไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ หลังจากที่ดูกล้องวงจรปิดเเล้ว เป็นเพียงการจับกุมธรรมดา ทหารไม่ได้มีอาวุธใดๆ นอกจากชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ถืออาวุธเข้าเวรตามปกติ ส่วนการค้นรถก็เป็นไปตามหน้าที่ เเต่มีการขัดขืนเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จึงมีการจับอาวุธ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็น ทหารเดินเข้าไปสอบถาม เพราะมีรถเข้ามาเพียงคันเดียว ถ้าหากมีการซ่อนยาเสพติดเด็กก็จะวิ่ง ซึ่งการยิงนัดเดียวสมเหตุสมผลในการป้องกันตัว “ถ้าเป็นผม ณ เวลานั้นผมอาจจะกดออโต้ไปแล้วก็ได้” สำหรับภาพจากกล้องวงจรปิดกองทัพได้ให้ตำรวจเพื่อใช้เป็นพยานในชั้นศาลแล้ว จึงไม่สามารถเผยแพร่ได้

วันที่ 6 มิถุนายน 2561 นายรัษฎา มนูรัษฎา อุปนายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ทนายความของนายชัยภูมิ ได้เปิดเผยถึงภาพกล้องวงจรปิด ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดที่ด่านตรวจถาวรบ้านรินหลวง ไม่ได้เข้าสู่สำนวนคดี เนื่องจากกล้องที่ทหารส่งไปให้ตำรวจ ไม่พบภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 มีนาคม 2560 เวลา 10.00 น. เป็นเหตุการณ์ในจุดสำคัญที่หายไป ซึ่งทางทนายฝากถึง ผู้บังคับบัญชาของทหารเเละตำรวจ อยากให้มีการสอบสวนภาพสำคัญและมีการทำสำเนาไว้ว่าอยู่ที่ใคร
ติดตามข่าวที่น่าสนใจได้ที่ http://www.workpointnews.com
Facebook / https://www.facebook.com/WorkpointNews/
Instagram / https://www.instagram.com/workpointnews/
Twitter / https://twitter.com/WorkpointShorts