
ประเด็นคือ – ย้อนคดีฆ่ายกครัว 8 ศพ จังหวัดกระบี่ ปี 60 ก่อนศาลชั้นต้น อ่านคำพิพากษา ในวันนี้ ( 28 มี.ค.) ขณะที่ อัยการจังหวัดกระบี่ มั่นใจสำนวนคดีที่สั่งฟ้องจำเลยมีความรัดกุมรอบคอบอย่างดีแล้ว
วันนี้ ( 28 มี.ค. 61) เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดกระบี่ นัดอ่านคำพิพากษา คดีฆ่ายกครัว นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้าน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เมื่อ 11 กรกฎาคม ปี 2560 พร้อมครอบครัวรวม 8 ศพ โดยต้องติดตามศาลจะมีคำพิพากษาออกมาอย่างไร หลังอัยการจังหวัดกระบี่ สั่งฟ้อง นายซูริก์ฟัต หรือ “บังฟัต” บ้านนบวงศ์สกุล กับพวก รวม 8 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันปล้นทรัพย์ ซ่องโจร และข้อหาอื่นๆ อีกหลายข้อหา ซึ่งความผิดสูงสุดมีโทษถึงประหารชีวิต
โดย นายพิเชษฐ์ เชาว์กิจค้า อัยการจังหวัดกระบี่ เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ว่า สำนวนที่อัยการส่งศาลในคดีนี้ ถือว่า มีความรัดกุมรอบคอบเป็นอย่างดีแล้ว และการสืบพยานทุกครั้ง ญาติของผู้เสียชีวิตได้ให้การต่อศาลเรียบร้อย

(เสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน – แฟ้มภาพ ) นายซูริก์ฟัต หรือ บังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล
- ย้อนเหตุการณ์ คดีฆ่ายกครัว 8 ศพ จ.กระบี่
หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญ ปี 2560 เหตุการณ์บุกยิง นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ซึ่งทำให้ “ผู้ใหญ่วรยุทธ” และคนในครอบครัว เสียชีวิตพร้อมกันในคืนวันที่ 11 กรกฎาคม ปี 2560 รวม 8 ศพ และมีผู้อีกรอดชีวิตแต่ได้บาดเจ็บ 3 คน เป็นผู้ใหญ่ 1 คน และเด็ก 2 คน
ผู้ลงมือก่อเหตุ นำโดย นายซูริก์ฟัต หรือ บังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี นายทุนเงินกู้ในพื้นที่ หลังก่อเหตุ “บังฟัต” กับพวก แยกย้ายกันหลบหนี โดยตำรวจพบเบาะแสสำคัญ คือ ภาพของรถยนต์ส่วนบุคคล 4 ประตู 3 คัน วิ่งตามกันด้วยความเร็ว จาก จ.กระบี่ มุ่งหน้าไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี
จนกระทั่ง 5 ทุ่มของวันที่ 15 กรกฎาคม ปี 2560 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) บินด่วนจากกทม.มายังกระบี่ หลังเจ้าหน้าที่คุมตัว “ผู้ต้องสงสัย” หนึ่งในนั้นคือ “บังฟัต” ที่จับได้ โดยนำไปไว้ที่ค่าย ร.15 พัน 1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ พร้อมให้ชุดสืบสวนสอบปากคำ

(แฟ้มภาพ Thai PBS)
16 ก.ค.2560 เวลา 02.00 น. ผบ.ตร.นำทีมสืบสวนพา ผู้ต้องหาร่วมคดีฆ่ายกครัว ชี้จุดเกิดเหตุและเก็บหลักฐานที่ผู้ก่อเหตุนำรถฟอร์จูนเนอร์ไปเผาทำลายหลักฐานในสวนยางพารา พื้นที่สวนยางในพื้นที่ ต.ตากแดด อ.เมือง จ.พังงา และตรวจค้นจุดซ่อนอาวุธปืน
โดยสรุปจากการแถลงข่าวของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ในวันที่ 16 ก.ค. หลังจากไปเก็บหลักฐาน คือ สำคัญกลุ่มคนร้ายที่ไปในที่เกิดเหตุมีทั้งหมด 7 คน มีสาเหตุหลักที่ลงมือ 2 เรื่อง ได้แก่
- มีความขัดแย้งในการขายฝากที่ดินมีการฟ้องขึ้นศาล มูลค่าของที่ดินหลายล้านบาท ซึ่งผู้ใหญ่เป็นลูกหนี้ บังฟัต แต่เมื่อนำเงินไปขอไถ่ที่ดินคืน แต่ไม่ได้คืน เพราะ บังฟัต นำโฉนดนำไปจำนำต่อ
- ผู้ใหญ่วรยุทธ และบังฟัต เคยมีปากเสียงกันมาก่อน จากเรื่องที่ดิน มีการท้าทายกัน
คนร้ายตั้งใจจะมาทำลักษณะนี้ถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2559 บางครั้งมา 4 คน , บางครั้งมาไม่ครบทีม โดยบังฟัต ว่าจ้างมาทวงหนี้ ครั้งละ 1,000 บาท
“บังฟัต” เป็นคนยิงคนเดียว
ลักษณะการก่อเหตุ มีการแอบแฝงพยายามสร้างเรื่อง หรือ จัดฉาก ว่า ผู้ใหญ่มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและครอบครัวเลยพยายามฆ่าคนในบ้านทั้งหมด ด้วยการการนำรถยนต์ ยี่ห้อยาริส ของผู้ใหญ่บ้านไปด้วย เพราะต้องการสร้างเรื่องให้ผู้ใหญ่ดูมีปัญหาเศรษฐกิจ มีการทำสัญญาให้ดูเหมือนว่า ผู้ใหญ่โอนรถให้ก่อนเสียชีวิต
http://www.youtube.com/watch?v=4x_PdzD-29Y
- คำพูดสำคัญของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ในวันแถลงข่าว ( 16 ก.ค. 2560)
“ผมเชื่อว่า เขาตั้งใจยิง เพราะว่า เขาค่อนข้างอำมหิตโหดเหี้ยมทำได้ขนาดนี้”
“ตั้งใจมาฆ่า และตั้งใจมาสร้างสถานการณ์ด้วย”
“ยังไง กลุ่มนี้ก็โดนประหารชีวิตอยู่แล้ว”
ส่วนผู้รอดชีวิต 3 คนในเหตุการณ์ครั้งนี้ หนึ่งในนั้น คือ น.ส.อัญชลี บุตรเติบ น้องภรรยาของผู้ใหญ่วรยุทธ ซึ่งถูกจ่อยิงที่ศีรษะ 1 นัด แต่กระสุนเฉี่ยวหางคิ้วจนทำให้เธอสลบ ทำให้กลุ่มคนร้ายเข้าใจว่า เสียชีวิตแล้วหลังจากได้สติ เธอจึงพยายามติดต่อคนภายนอกพาไปโรงพยาบาล ขณะที่ เด็กหญิงอีก 2 คนที่รอดชีวิตเช่นกัน 1 ในนั้น ยังเป็นเพียงทารกวัยเพียง 3 เดือน ที่แม่นำผ้าคลุมตัวไว้และปกป้องหนูน้อยไว้ได้









