
ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้องจำเลยคดีดังตั้งแต่ปี 2533 อุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย “อัลรูไวลี่” เหตุพยานหลักฐานมีน้ำหนักน้อย
วันที่ 22 มี.ค. คำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีหมายเลขดำ อ.119/2553 พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถอม อดีตจเรตำรวจและอดีตผู้บัญชาการภาค 5, พ.ต.อ.สรรักษ์ หรือ สมชาย จูสนิท ผู้กำกับการ สภ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน, พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผู้กำกับการ สภ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี, พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และ จ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง ตำรวจนอกราชการ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” และขอให้ศาลมีคำสั่งคืนแหวนของกลางให้แก่ทายาทของ นายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย
คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31มี.ค. 2557 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่า ฝ่ายโจทก์ไม่ได้นำ พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก พยานโจทก์ปากสำคัญเข้าเบิกความต่อศาล มีเพียงบันทึกคำให้การของ พ.ต.ท.สุวิชัย เท่านั้น ทั้งยังมีข้อพิรุธน่าสงสัยเกี่ยวกับแหวนทองคำของผู้ตาย พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อพิรุธน่าสงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
ต่อมาวันที่ 3 พ.ค. 2559 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้องจำเลย เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การยื่นเบิกความพยานและหลักฐานเป็นพยานหลักฐานเดิมอีกทั้งพยานโจทก์ปากสำคัญ คือ พ.ต.ท.สุวิชัย มีการเบิกความกลับไปกลับมาในชั้นพนักงานสอบสวน ไม่อาจรับฟังได้ พยานแวดล้อมไม่สามารถยืนยันได้ว่า จำเลยที่ 2-5 ซึ่งเป็นตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.ท.สมคิด ได้นำตัวนายอัลรูไวลี ผู้เสียชีวิต เข้าไปในโรงแรมฉิมพลีจริง ส่วนแหวนที่อ้างว่า พบใกล้ถังน้ำมันในที่เกิดเหตุ ไม่มีญาติคนใดยืนยันได้ว่า เป็นของผู้เสียชีวิตจริงและมีประเด็นต้องสงสัยที่ไม่มีการนำแหวนวงนี้ส่งให้ตำรวจตรวจสอบแต่ส่งให้ญาติเป็นผู้เก็บรักษา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันเเล้วเห็นว่า กรณีการให้ถ้อยคำในชั้นสอบสวนปาก พ.ต.ท.สุวิชัย ซึ่งเป็นผู้ต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดมีนบุรี ในคดีอุ้มฆ่าชาวลาวเเละได้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ซึ่งการให้ถ้อยคำทำนองว่า เป็นผู้ทีส่วนรู้เห็นเหตุการณ์เเละขั้นตอนในการสังหาร นายโมฮัมหมัด อัลลูไวลี่ โดยระบุหลักฐานที่อ้างว่า เป็นเเหวนของนายอัลรูไวลี่ ที่พบเจออยู่ใต้ถังน้ำมันที่เผาศพ เเต่เมื่อพิจารณาเเล้วการให้ถ้อยคำดังกล่าวมีการให้การกลับมาสับสน มีการกล่าวอ้างเเหวนขึ้นมาในภายหลัง
จากที่ศาลจังหวัดมีนบุรีลงโทษจำคุกพยานปาก พ.ต.ท.สุวิชัย การให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอดังกล่าวจึงเชื่อว่า พยานมีการต่อรองคดี เพื่อให้ช่วยเหลือคดีที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต อีกทั้งในการพิจารณามีพยานปากที่เป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบสภาพเเหวน พบเเต่เพียงว่า เคยถูกใช้งานเเต่ไม่ปรากฎว่า เเหวนดังกล่าวเคยถูกไฟไหม้มาก่อนตามที่พยานกล่าวอ้างว่า มีการพบเเหวนที่ก้นถังน้ำมัน อีกทั้งเมื่อนำเเหวนดังกล่าวมอบให้ญาติของนายอัลรูไวลี่ตรวจสอบก็ไม่มีญาติยืนยันว่า เเหวนดังกล่าวเป็นของนายอัลลูไวลี่จริง การรับฟังพยานต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน้อยรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้ง 5 กระทำความผิดตามฟ้อง ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้นพิพากษายืนยกฟ้อง
หลังฟังคำพิพากษา พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการต่อสู้คดีนานกว่า 10 ปี ชีวิตราชการถูกกล่าวหามาโดยตลอดว่า ฆ่าคนตาย แต่มาในวันนี้พ้นข้อกล่าวหาแล้ว พร้อมระบุว่า พนักงานสอบสวนของดีเอสไอและอัยการ มีการสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา เพื่อใส่ร้ายพวกตนทั้ง 5 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการยื่นฟ้องไปแล้ว สำนวนอยู่ที่ ป.ป.ช. แต่หลังจากนี้ จะดำเนินการยื่นฟ้องพนักงานอัยการในคดีนี้เพิ่มเติม









