
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ
ศาลอาญา ยกฟ้องกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและนายสุเทพ เทือกสุพรรณ ฟ้อง นายธาริต ธาริต เพ็งดิษฐ์ กับอีก 3 พงส.ดีเอสไอ ไม่ ผิด ม.157 ชี้หลักฐานอ่อน
วันนี้ (25ก.ย.61) ศาลอาญา รัชดา นัดฟังคำพิพากษาคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
จากกรณีเดือน ก.ค.2554 -13 ธ.ค.2555 จำเลยทั้ง 4 คน ในฐานะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ร่วมกันสอบสวน สรุปสำนวนนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ตั้งข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าโดยเจตนาและเล็งเห็นผล จากการที่ออกคำสั่ง ศอฉ.ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ซึ่งโจทก์เห็นว่าการแจ้งข้อหาบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และดีเอสไอไม่มีอำนาจ ต้องเป็นการวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การสอบสวนของจำเลยที่ 1-4 เป็นการกระทำในรูปแบบของคณะกรรมการ DSI มีอัยการร่วมแจ้งข้อกล่าวหาอีก 2 คนไม่ได้ทำตามลำพัง อีกทั้งคดีนี้ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดพฤติการณ์แห่งคดีและศาลเห็นว่าแต่ละชั้นศาลยังมีข้อวินิจฉัยเรื่องกฎหมายแตกต่างกัน ซึ่งจำเลยได้วินิจฉัยข้อกฎหมายในฐานะที่เป็นคณะพนักงานสอบสวนเห็นว่าการที่ โจทก์ทั้ง 2 ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารใช้กระสุนจริงยิงกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นความผิดส่วนบุคคล
คำเบิกความของโจทก์ทั้งสอง ยังไม่มีหลักฐานชี้ให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1-4 มีพฤติการณ์จงใจกลั่นแกล้งให้โจทก์ทั้งสองต้องได้รับโทษทางอาญาแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ภายหลังจากที่ศาลพิพากษายกฟ้องแล้ว นายธาริตกับคณะพนักงานสอบสวนได้เดินทางออกจากศาลโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Policenews









