ญาติร่ำไห้ ! รับศพ “สปาย-ฟอส” เหยื่อมือปืนโหดเขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี ครอบครัวเผยทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทโตมาด้วยกัน ไม่ใช่คู่รัก ด้านศาลจังหวัดชลบุรีอนุมัติหมายจับ “เสี่ยอ้วน” มือบงการฆ่า คาดหึงรุนแรงหลังสาวผู้ตายไม่ยอมไปอยู่ด้วย
จากกรณีคนร้ายก่อเหตุอุกฉกรรจ์ใช้อาวุธปืนยิง นายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ ฟอส อายุ 20 ปี และน.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ สปาย อายุ 20 ปี ชาวอำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ จนเสียชีวิตทั้งคู่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2561 ที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเข้าชีจรรย์ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งตำรวจได้จับทีมไล่ล่าคนร้ายที่คาดว่าเป็นเสี่ยใหญ่ที่จังหวัดภูเก็ต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (31 ก.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิจากจังหวัดชลบุรี ได้นำศพของ น.ส.ปวีณา นาเมือรักษ์ และ นายอนันตชัย จริตรัมย์ กลับถึงบ้านเกิด ที่ จ.กาฬสินธุ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและญาติ

นางวันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ อายุ 41 ปี แม่ของสปาย กล่าวว่า “สปาย” และ “ฟอส” เป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ซึ่งที่ผ่านมาเรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำอำเภอ และได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี ประมาณ 1 เทอมแล้วลาออก เพราะต้องการที่จะหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวด้วยการไปทำงานตามสถานบันเทิงที่จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ต้นปี 2559 เพราะพี่สาวที่รู้จักกันในหมู่บ้านทำงานที่นั่นบอกได้เงินดี และที่ผ่านมาได้ส่งเงินกลับบ้านเดือนละ 2-3 หมื่นบาท ที่แรกตนเคยแอบไปดูลูกเพราะกลัวว่าจะไปทำอาชีพที่ไม่ดี แต่ลูกยืนยันว่าในชีวิตไม่เคยคิดจะทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ตนจึงปล่อยให้ลูกทำงาน นอกจากนี้ลูกสาวยังเคย เล่าอีกว่ามี “เสี่ยอ้วน” มาติดพันและบอกว่าต้องการที่จะได้น้องปลายเป็นภรรยาแต่ตนไม่ยอม เพราะหากต้องการให้มาสู่ขอตามประเพณี แต่ปรากฏว่าเมื่อถามลูกสาว ก็ยอมรับว่าไม่อยากไปอยู่กับเสี่ยอ้วน เพราะเสี่ยอ้วนเป็นคนอารมณ์รุนแรงมีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ต
“ความรุนแรงเริ่มเกิดขึ้นในช่วง ปลายปี 2559 ลูกสาวได้โทรมาเล่าให้ฟังตลอดว่าทุกครั้งที่ “เสี่ยอ้วน” เห็นลูกสาวไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนก็จะเดินเข้าไปฉุดกระชาก บางครั้งก็จะเดินเข้าไปบีบคอ ทำร้ายร่างกาย แต่เมื่อปลายปี 2560 ลูกสาวได้ไปทำงานที่จังหวัดนครปฐม แต่เสี่ยอ้วนก็ยังติดต่อตามหา จนในช่วงต้นปี 2561 ตนกับลูกสาวมีความคิดที่จะซื้อรถลูกสาวได้บอกว่าจะโอนเงินมาให้ และเสี่ยอ้วนก็รับรู้ จึงบอกว่าจะโอนเงินมาให้พ่อกับแม่ แต่ขณะนั้นครอบครัวปฏิเสธ จากนั้นไม่นานก็มีเงินเข้าบัญชีถึง 1 ล้านบาท ซึ่งเสี่ยอ้วนโทรมาบอกว่าให้พ่อกับแม่ไปซื้อรถ” นางวันเพ็ญกล่าว

นอกจากนี้ นางวันเพ็ญ ยืนยันอีกว่า ครอบครัวและน้องปลายไม่เคยคิดที่จะไปปอกลอก แต่เสี่ยอ้วนมักหยิบยื่นเงินให้ทั้งที่น้องปลายปฏิเสธ เหมือนกับเป็นการจะใช้เงินซื้อลูกสาว แต่ลูกสาวไม่ชอบเพราะเป็นผู้มีอิทธิพลจึงพยายามออกห่าง แต่ก็ต้องมาจบชีวิตเช่นนี้ จึงวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายมาลงโทษให้เร็วที่สุด แต่สิ่งที่ห่วงที่สุดขณะนี้คือความยุติธรรมเพราะเสี่ยอ้วนเคยโทรมาขู่ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่างได้ เพราะเสี่ยอ้วนเคยซื้อตำรวจมาแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้เสี่ยอ้วนเคยยิงคนตายมาแล้วแต่ไม่ติดคุก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าครั้งนี้กฎหมายจะดำเนินคดีได้

ส่วนครอบครัวของ นายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ ฟอส ขณะนี้พ่อแม่และญาติยังอยู่ในความเสียใจและต้องการให้จับตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ยืนยันว่า ทั้งสองคนไม่ใช่คู่รักกัน อีกทั้งน้องฟอสมีจิตใจเป็นผู้หญิง
ด้าน นางจอมศรี ชมพูพื้น อายุ 43 ปี แม่ฟอส กล่าวว่า ตั้งแต่รู้ข่าวว่าลูกชายถูกยิงเสียชีวิต พร้อมกันน้องสปาย ก็รู้สึกเสียใจมาก และไม่เข้าใจว่าคนร้ายยิงลูกชายทำไม เพราะทั้งฟอสและสปาย ไม่ใช่คู่รักกัน เป็นเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน เพราะพ่อของฟอสกับพ่อของสปายเป็นพี่น้องกัน อีกทั้งฟอสมีนิสัยเป็นผู้หญิง และชอบแต่งหญิงเมื่อมีงานรำก็จะแต่งหญิงออกไปรำ อะไรที่ทำแล้วได้เงินลูกชายก็จะทำเพื่อนำเงินมาให้พ่อแม่

นางจอมศรี เผยอีกว่า ก่อนเกิดเหตุร้ายสองวัน ยายของฟอสได้ฝันว่าเห็นลูกทั้งสองคนเดินมามีเลือดท่วมตัว ซึ่งก่อนหน้าก็เตือนว่าอย่าออกไปไหน เพราะเห็นทั้งลูกชายกำลังจะไปเมืองนอก ในส่วนของตนก็ฝันว่ามีคนมาขอลูกชายไปอยู่ด้วย ซึ่งในฝันตนก็ให้ไปก็ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องนี้
ล่าสุด ศาลจังหวัดชลบุรีอนุมัติหมายจับ 3 ผู้ต้องหามือยิ่ง ได้แก่ 1.นาย ปัญญา ยิ่งดัง หรือ”เสี่ยอ้วน” อายุ 39 ปี ชาวภูเก็ต 2.นายสายันต์ ศรีสุข อายุ 43 ปี ชาวนครศรีธรรมราช
3.นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน อายุ 34 ปี ชาวภูเก็ต ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต
และพกพาอาวุธปืนไปในสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร











