
ประเด็นคือ – ขยายผลคดีค้ามนุษย์ อาบอบนวด “วิคตอเรียซีเครท” วันนี้ พล.ต.อ.สมยศ เข้าพบดีเอสไอ ให้ข้อมูลที่มาเงิน 300 ล้าน หลังระบุยืมเงินจากเสี่ยกำพล ผู้ต้องหาที่ยังหนีหมายจับ
วันนี้ (15 ก.พ. 61 ) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อเข้าให้ข้อมูล กรณียืมเงิน 300 ล้านบาท จากนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หรือ เสี่ยกำพล เจ้าของสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ที่หลบหนีหมายจับผู้ในขณะนี้
พ.ต.ท.สุภัทร์ ธรรมธนารักษ์ ผู้อำนวยการกองคดีต่อต้านการค้ามนุษย์ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยก่อนเวลานักหมายกับ พล.ต.อ.สมยศว่า พนักงานสอบสวนได้ส่งหนังสือแจ้งไปยัง พล.ต.อ.สมยศ ให้เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในวันนี้ โดยกำหนดประเด็นให้ชี้แจง ที่มาของเงิน 300 ล้านบาท ตามหลักฐานที่ดีเอสไอตรวจพบความเชื่อมโยงจากการธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงข้อมูลในประเด็นที่ พล.ต.อ.สมยศ ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ว่า เงิน 300 ล้านบาท เป็นการยืมมาจากนายกำพล นอกจากนี้ ดีเอสไอยังต้องการทราบว่า เงิน 300 ล้านบาทมีที่มาที่ไปอย่างไร และเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับสถานอาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ทหรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ เคยให้สัมภาษณ์ว่า รู้จักกับนายกำพลมานานกว่า 20 ปีแล้ว จากการแนะนำของเพื่อนๆ โดยเฉพาะเพื่อนในวงการพระเครื่อง ซึ่งเสี่ยกำพลเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เคยบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลทางภาคใต้ด้วยกัน และได้ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ซึ่งยามที่ตนเดือดร้อนเคยไปขอยืมเงินจากนายกำพลหลายครั้ง และนายกำพลได้ให้ความช่วยเหลือ 3-4 ครั้ง เป็นเงินรวมกว่า 300 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าว
ส่วนการทำธุรกรรมดังกล่าวนั้น เป็นการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของนายกำพล เข้าบัญชีของตนอย่างชัดเจน จึงปรากฎเส้นทางการเงินชัดเจนว่า นายกำพลโอนเงินมาให้ตน แต่ในปีเดียวกันนายกำพลได้มาขอเงินคืน ซึ่งตนก็คืนเงินทั้งหมดไปแล้วผ่านระบบธุรกรรมของธนาคาร ยืนยันมีเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่สามารถชี้เเจงได้ ซึ่งตนได้รายงานให้ป.ป.ช.ทราบเรื่องนี้แล้วเมื่อ 3 ปีก่อน และไม่มีเหตุผลที่จะต้องปกปิดเรื่องนี้
เเม้ว่า พล.ต.อ.สมยศ จะยืนยันว่า การทำธุรกรรมครั้งนี้ ทำผ่านระบบตามกฎหมาย มีสัญญาถูกต้อง โอนเงินใช้หนี้สินกันเรียบร้อย แต่ล่าสุด 14 ก.พ.ที่ผ่านมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบ พล.ต.อ.สมยศ ในฐานะที่เป็นสมาชิกสนช. ว่ามีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อป.ป.ช. จากเงินกู้ยืม 300 ล้านบาท ถูกต้องตามกฎหมายป.ป.ช.หรือไม่ และหากยืมเงินกัน โดยไม่มีการเสียดอกเบี้ย จะเข้าข่ายได้รับผลประโยชน์อื่นใด ตามมาตรา 103 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และมีโทษตามมาตรา 122 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังขอยื่นเรื่องให้กรมสรรพากรเข้ามาตรวจสอบในประเด็นภาษีจากเงินกู้ยืมก้อนนี้อีกด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“สมยศ” รับ เคยยืมเงิน “เสี่ยกำพล” กว่า 300 ล้านจริง ปฏิเสธพัวพันการฟอกเงิน









