ในการออกเสียงประชามติเพื่อรับรองรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ได้มีการถามคำถามพ่วงให้ประชาชนทั่วประเทศตัดสินใจ ว่าจะให้ ส.ว. มาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ ผลการโหวตปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ 15.13 ล้านเสียง (58.07%) เห็นด้วยที่จะให้ ส.ว. มาร่วมเลือกนายกฯ ด้วย ในขณะที่เสียงส่วนน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าวนี้มีทั้งสิ้น 10.9 ล้านเสียง (41.93%)
การออกเสียงประชามติเพื่อรับรองรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 โดยมีประชาชนคนไทยทั่วประเทศมาใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 29,740,677 คน คิดเป็น 59.4% ของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 50.07 ล้านเสียง โดยในการออกเสียงประชามติครั้งนี้ มีคำถามที่ประชาชนผู้มีสิทธิต้องตอบทั้งสิ้น 2 ข้อ ได้แก่
1. การรับรองร่างรัฐธรรมนูญ ว่าจะ “ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช … ทั้งฉบับ”
2. การให้ความเห็นชอบคำถามพ่วง ว่าจะให้ ส.ว. มาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่
สำหรับคำถามพ่วง ถ้อยคำที่อยู่ในบัตรออกเสียงประชามติระบุไว้ว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่า เพื่อให้การปฏิรูปประเทศเกิดความต่อเนื่องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ สมควรกำหนด ไว้ในบทเฉพาะกาลว่า ในระหว่าง 5 ปีแรก นับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี”
ถ้อยคำดังกล่าว สามารถถอดความเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายขึ้นได้ว่า จะเห็นชอบให้ ส.ว. เข้ามาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ ในช่วง 5 ปีต่อจากนี้
ผลการลงคะแนนเสียงในประเด็นคำถามพ่วงนี้ปรากฏว่า ผู้มาใช้สิทธิส่วนใหญ่ 15,132,050 คน (58.07%) เห็นด้วยกับการให้ ส.ว. มาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ในขณะที่เสียงส่วนน้อย 10,926,648 คน (41.93%) ไม่เห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าวนี้ แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบกับประเด็นดังกล่าว รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จึงได้บัญญัติบทเฉพาะกาลไว้ในมาตรา 272 ให้การเลือกนายกรัฐมนตรีต้องกระทำโดยมติของสภาร่วม (ส.ส. + ส.ว.) หรือก็คือให้ ส.ว. มาร่วมเลือกนายกฯ ด้วยนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ต้องกล่าวไว้ด้วยว่าในช่วงเวลาก่อนการออกเสียงประชามตินั้น บรรยากาศการรณรงค์ของฝั่งผู้ไม่เห็นด้วยเป็นไปอย่างปิดกั้น ผู้ที่พยายามรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและไม่รับรองคำถามพ่วงถูกเจ้าหน้าที่รัฐสั่งห้ามและจับกุมหลายกรณี









