
สาวใหญ่ร้องสื่อ ! ซื้อบ้านหรูเกือบ 4 ล้าน อยู่มา 3 ปี ถูกโจรขึ้นบ้านลักทรัพย์ 3 ครั้ง ความเสียหายรวมกว่า 3 แสนบาท แจ้งความกับตำรวจแต่คดีไม่คืบ แถมถูกบริษัท รปภ. ปฏิเสธความรับผิดชอบ ท้าให้ไปฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายเอง
วันนี้ (8 มีนาคม 2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอรวรรณ ศฤงคาร อายุ 32 ปี พร้อมนายยุทธนา ศฤงคาร สามี ได้นำผู้สื่อข่าวไปดูบ้านเลขที่ 99/11 ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ศุภาลัย วิลล์ หมู่ที่ 1 ตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่หน้าบ้านติดป้ายไวนิลขนาดใหญ่ที่มีข้อความว่า “สุดจะทน!! โจรขึ้นบ้านในระยะ 2 ปี 3 รอบ โปรดเถอะ!..ขอความรับผิดชอบหน่อย หมดตัวแล้ว โจรขึ้นบ้าน 3 รอบ หมดจริงๆ ค่าส่วนกลาง 13,000 จ่ายเพื่ออะไร? บริษัทยามหายไปไหน นิติบุคลหายไปไหน ขอความรับผิดชอบด้วยคะ”

นางอรวรรณ เผยว่า ซื้อบ้านหรูในโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนเงินเกือบ 4 ล้านบาท เมื่อปี 2560 พร้อมเสียค่าส่วนกลางปีละ 13,000 บาท ทางโครงการได้เก็บเงินค่าส่วนกลางไปแล้ว 2 ปี รวมเป็นเงิน 26,000 บาท ซึ่งตนยอมจ่ายเพราะมั่นใจว่า หมู่บ้านระดับนี่จะมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง แต่เมื่อซื้อบ้านมา 2 ปี ถูกโจรขึ้นบ้านรวม 3 ครั้ง สูญทรัพย์สินไปกว่า 3 แสนบาท โดยครั้งแรกถูกโจรขึ้นบ้านเมื่อเดือนเมษายน 2560 ครั้งนั้นไม่มีทรัพย์สินอะไรสูญหายจึงไม่ได้แจ้งความ แต่บ้านอีกหลังที่อยุ่ติดกันสูญเงินสดไปประมาณ 200,000 บาท สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 5 บาท 1 เส้น ต่อมาประมาณเดือนเมษายน 2561 ถูกโจรขึ้นบ้านเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งนี้ตนสูญเงินสดไป 27,000 บาท และได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.กาญจนดิษฐ์ แต่คดีไม่คืบ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ถูกโจรขึ้นบ้านเป็นครั้งที่ 3 ตรวจสอบทรัพย์สินพบว่าทรัพย์สินที่สูญหายมี กล้องถ่ายภาพยี่ห้อโอลิมปัสมูลค่า 26,900 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น กำไลข้อมือหนัก 2 สลึง 1 เส้น แหวน 1 สลึง 1 วง พระพ่อท่านคล้ายเลี่ยมทองคำน้ำหนัก 2 สลึง ส่วนพระพ่อท่านคล้ายมีมูลค่ากว่า 100,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนมาขอเช่า 80,000 บาท แต่ตนไม่ขาย เพราะเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อมอบให้ก่อนเสียชีวิต

นอกจากนั้นยังมีโทรทัศน์ติดฝาผนังถูกถอดออกมา แต่คนร้ายไม่ได้เอาไป คาดว่าระหว่างงัดโทรทัศน์ตกลงมาจนจอแตกเสียหาย ซึ่งครั้งนี้ตนได้เข้าแจ้งความที่ สภ.กาญจดิษฐ์ ซึ่งทางตำรวจได้มาตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้ปีนมาจากกำแพงข้างบ้านเข้ามางัดหน้าต่างบริเวณห้องรับแขก รื้อหาทรัพย์สินจนข้าวของกระจุยกระจาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
นางอรวรรณยังระบุอีกว่า หลังเกิดเหตุตนได้สอบถามทางโครงการและบริษัทรักษาความปลอดภัยว่าจะรับผิดชอบอย่างไรบ้าง เนื่องจากตนเสียเงินค่าส่วนกลางไปแล้ว แต่กลับได้รับคำตอบว่าไม่สามารถที่จะรับผิดชอบอะไรได้ เพราะโจรไม่ได้เข้าออกที่มีตู้ยาม พร้อมแนะนำให้ทางเจ้าของบ้านติดตั้งกล้องวงจรปิดดูแลทรัพย์สินเอาเอง และยังบอกอีกว่าภายในบ้านอย่าเก็บทรัพย์สินที่มีค่าไว้ หากเจ้าของบ้านไม่พอใจก็ให้ไปฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งเมื่อตนได้รับคำตอบเช่นนั้นจึงไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร วอนสื่อเป็นสื่อกลางนำเสนอข้อมูลความจริงเพื่อหวังให้ตำรวจได้ตื่นตัว เร่งรัดติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป ประกอบกับคดีลักทรัพย์ครั้งแรกกำลังจะหมดอายุความแต่การติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดยังไม่คืบหน้า ทำให้ครอบครัวเดือดร้อนอย่างหนัก













