
ตำรวจเร่งขยายผลเครือข่ายเงินนอกระบบ ที่ผู้ต้องหาซึ่งเป็นสามีฆ่ายกครัว 3 ศพ ไปกู้ยืมเงินมา จนเป็นเหตุให้เกิดความเครียดฆ่าภรรยาและลูก ล่าสุดตำรวจออกหมายจับแล้ว 6 ราย ส่วนอีก 2 ราย อยู่ระหว่างตรวจเส้นทางการเงิน เนื่องจากไม่เคยพบหน้าลูกหนี้ ใช้วิธีโอนเงิน
ความคืบหน้าการติดตามเครือข่ายแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ ที่ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าปาดคอภรรยาและลูกรวบ 3 ศพ ย่านมีนบุรี ตำรวจขออำนาจศาลมีนบุรีออกหมายจับได้แล้วจำนวน 6 ราย ควบคุมตัวมาสอบปากคำได้ 5 ราย และยังอยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มอีก 2 ราย
หลังทีมสืบสวนกองกำกับการสืบสวนนครบาล 3 พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ระบุว่า แก๊งเครือข่ายเงินกู้นอกระบบที่คุมตัวได้แล้ว 5 รายตอนนี้ ยังเป็นแค่คนทำหน้าที่เก็บเงินและคนแจกใบปลิวเท่านั้น ยังไม่ใช่ตัวนายทุนเงินกู้ ซึ่งขณะนี้กำลังหาความเชื่อมโยงไปถึงตัวนายทุน
จากการสอบปากคำเครือข่ายเงินกู้ พบว่าข้อมูลที่น่าตกใจ เพราะเก็บดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 30 แต่จะเขียนในใบปลิวว่าดอกร้อยละ 20 บางรายจะหักดอกเบี้ยไว้ทันทีซึ่งจะได้เงินไม่เต็มตามจำนวนที่กู้ยืม และบางรายจะต้องจ่ายดอกเบี้ยลอยวันละ 300 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาเงินต้นมาจ่าย

พ.ต.อ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า พฤติการณ์ลักษณะนี้เข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วย ซึ่งการแจ้งข้อหาแต่ละรายแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของแก๊งเงินกู้นอกระบบแต่ละราย เบื้องต้นแจ้ง 2 ข้อหา คือ ฉัอโกงประชาชน และ เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฏหมายกำหนด นอกจากนี้ตำรวจยังเตรียมส่งเรื่องให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินการฟอกเงินนอกระบบ
ส่วนตัวผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าภรรยาและลูก ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วตำรวจนำตัวไปฝากขังในเรือนจำมีนบุรี ซึ่งอาการของผู้ต้องหาขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนจะควบคุมตัวไปเรือนจำที่ลาดยาวเพื่อรักษาตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลมีนบุรี
การสอบปากคำเบื้องต้นพบว่าไปกู้ยืมเงินนอกระบบประมาณ 7 – 8 ราย ค้นหาข้อมูลจากใบปลิวและในเฟซบุ๊ก รวมถึงภรรยาเป็นผู้ช่วยหาข้อมูลแหล่งเงินกู้นอกระบบ เริ่มกู้ยืมเงินมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วนำมาลงทุนร้านประดับยนต์ติดตั้งเครื่องเสียงและกู้ยืมเงินหนี้นอกระบบมาเรื่อยๆ เป็นดินพอกหางหมู ทำให้ต้องจ่ายเงินต้นรวมดอกเบี้ยวันละประมาณ 8 พันบาท เบื้องต้นคาดว่าน่าจะกู้มาทั้งหมดประมาณ 2 แสนบาท










