เครือข่ายคนพิการร้องดีเอสไอ ตรวจสอบ จนท.รัฐ โกงเงินคนพิการ 1,500 ล้านบาท

เครือข่ายคนพิการร้องดีเอสไอ ตรวจสอบ จนท.รัฐ โกงเงินคนพิการ 1,500 ล้านบาท

นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ตัวแทนเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ

ตัวแทนเครือข่ายคนพิการร้องดีเอสไอ ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐโกงเงินคนพิการ ความเสียหาย 1,500 ล้านบาท พร้อมขอให้รับเป็นคดีพิเศษ

วันนี้ (19 ก.ย. 61) เวลา 11.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ตัวแทนเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ พร้อมผู้พิการประมาณ 10 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตเงินสนับสนุนคนพิการทั่วประเทศหลายพันล้านบาท ซึ่งขอให้รับเป็นคดีพิเศษและพิจารณาให้การคุ้มครองคนพิการที่ออกมาเปิดโปง โดยมีนายบัณฑิต สังขนันท์ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง

นายปรีดา เปิดเผยว่า การเข้ามายื่นหนังสือร้องเรียนกับดีเอสไอ เนื่องจากว่าเรื่องดังกล่าวมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ทางเครือข่ายฯ จึงเห็นว่า ดีเอสไอเป็นที่พึ่งในการเข้ามาช่วยตรวจสอบและสามารถผลักดันให้เรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษได้ เพราะมูลค่าความเสียหายมีจำนวนมหาศาล ประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยต้องการให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบข้าราชการที่มีพฤติกรรมทุจริตเงินคนพิการ ซึ่งตนเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับขบวนการที่เรียกว่า “นายใหญ่” ไปแล้ว

นายปรีดาเผยอีกว่าทางเครือข่ายฯ มองว่า การที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ออกมาแถลงข่าวตอบโต้อย่างเร่งด่วนเมื่อวานนี้ (18 ก.ย. 61) ที่ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ว่า ไม่มีการทุจริตเกี่ยวกับคนพิการค่อนข้างขัดแย้งกับเอกสารหลักฐานที่ทางเครือข่ายฯ รวบรวมได้ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี แม้แต่ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ก็ยังมีการทุจริตเงินคนพิการอยู่  ฉะนั้น การออกมาเดินหน้าร้องเรียนกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมหลายๆ แห่งของเครือข่ายฯ เป็นความต้องการให้สังคมได้เห็นว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติกรรมการทุจริตเงินสนับสนุนคนพิการในโครงการต่างๆ ทั่วประเทศอยู่จริง และผู้มีอำนาจควรจะมีการตรวจสอบเพื่อตัดวงจรอุบาทว์นี้เสียที

“การออกมาเปิดโปงขบวนการทุจริตของพวกผม จะต้องมีนายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเกิดความไม่พอใจอย่างแน่นอน ซึ่งทางเครือข่ายฯ ก็จะขอให้ดีเอสไอช่วยพิจารณาเรื่องของการคุ้มครองกลุ่มคนพิการที่ออกมาร่วมเปิดโปงขบวนการทุจริตมิชอบด้วย” นายปรีดากล่าว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบก่อนพิจารณาตามข้อมูลหลักฐานว่าเข้าข่ายคดีพิเศษหรือไม่ ก่อนเสนอให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง