
ศาลอุทธรณ์เตรียมอ่านคำสั่งคดีบังฟัตฆ่า 8 ศพ ที่ญาติยื่นอุทธรณ์ค่าสินไหมชดเชยวันนี้ (7 พ.ย.) ด้านพ่อตาผู้ใหญ่บ้านที่สูญเสียลูกๆ และหลาน ยอมรับยังฝังใจไม่เคยลืม
วันที่ 6 พ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านของ นายจรีย์ บุตรเติบ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 ม.1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ซึ่งเป็นพ่อตาของ นายวรยุทธ สังหลัง อายุ 46 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บ้านกลาง พร้อมครอบครัว และญาติ รวม 8 คน ที่ถูกสังหาร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 59 ที่ผ่านมา และศาลชั้นต้นได้ตัดสิน นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล หรือ บังฟัต อายุ 41 ปี พร้อมพวกรวม 8 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหา โดยตัดสินประหารชีวิต และบางคนที่ร่วมกันก่อเหตุถูกตัดสินจำคุก 1 – 2 ปี

นายจรีย์ บุตรเติบ
โดยทาง นายจรีย์ ได้รับหมายนัดจากศาลจังหวัดกระบี่ เพื่อให้ทางผู้เสียหายที่เป็นผู้ร้อง เดินทางมาฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ในวันที่ 7 พ.ย.61 ที่ศาลจังหวัดกระบี่ เวลา 09.00 น. กรณีได้ยื่นอุทธรณ์ค่าสินไหมชดเชย หลังศาลชั้นต้นได้พิจารณาและพิพากษาไปเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 61
นายจรีย์ กล่าวว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้นัดให้ไปฟังคำสั่งที่ได้อุทธรณ์ไว้ในวันพรุ่งนี้นั้น ก็ขอน้อมรับในคำตัดสิน แต่ทั้งนี้ ทุกวันนี้ยอมรับว่ายังคงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถลืมได้ โดยเฉพาะตนและภรรยา ที่ต้องสูญเสียบุตรสาวไป 2 คน หลาน 3 คน และลูกเขยอีก 3 คน ซึ่งเป็นสิ่งที่เศร้าเสียใจ ทุกวันนี้เมื่อมีหมายหนังสือเรียกก็จะทำให้นึกถึงมากขึ้น ไม่สามารถลืมได้เลย
ส่วนกรณีของการฟ้องร้องค่าเสียหาย จากการนำที่ดินไปจำนองขายฝากกับนายซูริก์ฟัตนั้น สิ้นปีนี้ทราบว่า ทางธนาคารจะเริ่มมีการนำที่ดินออกขายบังคับคดี เพราะชาวบ้านไม่มีเงินไปไถ่ถอน ถึงเวลานั้นคงจะลำบากมากขึ้นกว่าเดิม

นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล (เสื้อน้ำเงิน) และพวก
ทั้งนี้ คำตัดสินศาลชั้นต้นได้ตัดสิน ประหารจำเลยที่ 1 – 6 ได้แก่
-
- นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล หรือ บังฟัต อายุ 41 ปี
- นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน)
- นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี
- นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี
- นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี
- นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี ให้จำคุกตลอดชีวิต
ส่วนจำเลยที่ 7 นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี พิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน และ นางสาวชลิตา สังข์โชติ อายุ 41 ปี ตัดสินจำคุก 12 เดือน
สำหรับในคดีส่วนแพ่ง ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินแก่ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 จำนวน 630,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 13 พ.ย. 60 ซึ่งเป็นวันยื่นคำร้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินแก่ผู้ร้องที่ 3 จำนวน 1,445,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 14 พ.ย. 60 ซึ่งเป็นวันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องที่ 3 ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินแก่ผู้ร้องที่ 4 จำนวน 962,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 14 พ.ย. 60 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องที่ 4 ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินแก่ผู้ร้องที่ 5 จำนวน 2,402,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 2,500 บาท นับแต่วันที่ 10 ก.ค. 60 ซึ่งเป็นวันละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องที่ 5 ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินแก่ผู้ร้องที่ 6 จำนวน 420,000 บาท แก่ผู้ร้องที่ 7 จำนวน 720,000 บาท และแก่ผู้ร้องที่ 8 จำนวน 960,000 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง









