
ประเด็นคือ – ชาวบ้านผวา ถูกชายฉกรรจ์เเก๊งทวงหนี้ บุกเข้ามาในบ้าน เอาปืนจ่อหัว พร้อมขู่ฆ่า สุดเหิม ยิงปืนทะลุเพดาน ทำลายข้าวของ ผู้เสียหายเเจ้ง จนท. ก่อนรวบตัวได้ยกเเก๊ง
เวลา 10.00 น. วันที่ 1 ต.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงาน ได้รับการเปิดเผยจาก นางสุภาพิศ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136/55 ม.10 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้มีชายรูปร่างใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ จำนวน 3 คน บุกทวงหนี้ นางชิวาพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวตน
แม้จะพยายามอธิบายว่าคนที่กู้เงินไปนั้น ได้ย้ายออกจากบ้านไปแล้ว แต่แก๊งท้วงหนี้ก็ไม่ยอมฟัง กลับพยายามจะบุกเข้ามาภายในบ้านเพื่อตามหาลูกหนี้ดังกล่าว จนกระทั่งได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจสอบ ก่อนเจ้าหนี้จะกลับไป

แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลา 07.00 น. (วันเดียวกัน) แก๊งท้วงหนี้มาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน และพยายามโยนแม่กุญแจเหล็กเข้ามาภายในบ้าน จนกระจกบานเลื่อนแตกกระจ่ายเต็มพื้น นอกจากนี้ยังพยายามทำลายรั้วประตูบ้านจนหัง
ต่อมาในเวลา 11.00 น. (วันเดียวกัน) นายรัฐภูมิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ลูกชายของ นางชิวาพร (ลูกหนี้) ได้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อโปรตอน สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆผ 4902 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ยืมมาจากเพื่อน เพื่อขนข้าวของภายในบ้านออก เนื่องจากเกรงกลัวแก๊งท้วงหนี้จะเข้ามาทำร้ายร่างกายคนภายในบ้าน
ซึ่งทันใดนั้นก็ได้มีชายฉกรรจ์กลุ่มเดิมจำนวน 3 คน บุกเข้ามาภายในบ้าน โดยขึ้นไปที่บริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน พยายามพังประตูห้องนอน ซึ่งตะโกนบอกให้คนภายในห้องออกมา ไม่งั้นจะยิงปืนเข้าไปในห้อง พอเปิดประตูมาก็พอว่า แก๊งท้วงหนี้ดังกล่าวได้นำปืนจ่อหัวนายรัฐภูมิและบีบปาก เเละพูดว่า “แม่…อยู่ไหน รู้ไหมแม่…ติดหนี้ไว้ ถ้าไม่รีบนำเงินมาคืน ก็จะต้องชำระด้วยชีวิต”
หลังจากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวก็ได้หยิบเอากุญแจรถยนต์หลบหนี โดยก่อนที่จะไป ทุกคนภายในบ้านถึงกลับต้องสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 1 นัด จนฝ้าเพดาน มีแต่รอยกระสุน

โดยหลังเกิดเหตุทุกคนภายในบ้านก็ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.อำพล คล้ายวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในข้อหาบุกรุก และพยายามฆ่า แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับให้ทุกคนรออยู่ สภ.แหลมฉบัง จนถึงเวลา 02.30 น. ของวันที่ 30 กันยายน ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ดำเนินการจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ ทั้งหมด และนำรถยนต์คันกล่าวมาคืน และก็รับแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายแทน แต่สุดท้ายคดีความกลับไม่คืบหน้า ซ้ำผู้เสียหายยังอยู่ด้วยความหวาดระแวง เพราะหลังแจ้งความยังพบเห็นคนร้ายมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในบริเวณบ้านหลังดังกล่าว









