
ประเด็นคือ – แก๊งแว้นรวมกลุ่มประกาศศักดา กระทืบเด็ก 13 ปี บีบคอ และเอาไม้ฟาดหน้า ทำเด็กกะโหลกร้าว เลือดคั่งในสมอง อาการสาหัส ญาติวอน ตร.เร่งไล่ล่ามาดำเนินคดี
วันที่ 22 ม.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.กาญจนา ไตรรัตน์ อายุ 41 ปี อ.เมือง จ.สุรินทร์ ช่วยเร่งรัดให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมตัวแก๊งวัยรุ่นโหด ที่ดักรุมตีลูกชายจนเลือดคั่งในสมอง และกะโหลกร้าวอาการสาหัส หลังลูกชาย ซึ่งเป็นเยาวชน อายุ 13 ปี ถูกแก๊งวัยรุ่นดังกล่าวดักทำร้ายร่างกาย ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนมากับเพื่อน เพื่อเดินทางกลับบ้าน เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 20 ม.ค. โดยจุดเกิดเหตุอยู่ที่บริเวณ ถนนสุรินทร์-กระสัง ใกล้กับ 4 แยกตัดใหม่คอโค ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์
โดยแก๊งวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสกู๊ปปี้ สีขาว และยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ได้ขี่ตามมาด้วยกัน ประมาณ 5-6 คน ได้ตรงเข้ามารุมทำร้าย ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกันสามารถวิ่งหนีเอาตัวรอดไปได้ ขณะนี้แม่ของเด็กชายวัย 13 ปี ได้เข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว
โดยในวันเกิดเหตุ ผู้เป็นแม่เปิดเผยว่า ลูกชายไปกินข้าวที่บ้านเพื่อนและเล่นเกมส์ จึงกลับบ้านดึก โดยลูกชายเป็นคนขับรถจักรยานยนต์โดยมีเพื่อนซ้อน และได้โดนไม้ฟาดเข้าที่หน้า แล้วโดนก้อนหินขว้าง ซึ่งบริเวณนั้นมักจะเกิดเหตุขึ้นประจำ โดยเพื่อนอีกคนแค่เข่าถลอก เพราะกระโดดลงจากรถแล้ววิ่งเข้าป่าข้างทาง แต่ลูกของตนอาการหนัก เพราะโดนไม้ฟาดเข้าที่หน้าแล้วล้มลง กะโหลกแตก โดยอาการล่าสุดมีเลือดคั่งในสมอง

นอกจากนี้ ยังทราบมาว่า ชาวบ้านในละแวกนั้นไม่มีใครกล้าผ่านไปมาบริเวณนั้น เพราะกลุ่มที่ลงมือก่อเหตุจะพากันมาดักทำร้ายผู้คนประจำ เหมือนประกาศโชว์ศักดาตนเอง มีชาวบ้านบอกว่ากลุ่มวัยรุ่นที่มักจะรวมตัวกันแว้นรถและก่อเหตุเป็นประจำมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ลูกชายที่เพิ่งไปเป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น จึงอยากฝากให้ตำรวจช่วยไปดูแลและติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากวัยรุ่นกลุ่มนี้ได้พากันก่อเหตุบ่อยมาก
ล่าสุด ได้มีรายงานจากผู้เป็นแม่ว่า สามารถจับกุมตัว 2 วัยรุ่นได้แล้ว โดยผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า ทำร้ายผิดคน โดยเข้าใจผิดว่าเป็นคู่อริที่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เพราะหน้าตาคล้ายกัน พอทำร้ายเสร็จคิดว่าลูกชายตนเสียชีวิต จึงหามมาไว้ข้างทางกลัวคนมาเห็นจึงรีบขี่รถหนีไป เบื้องต้นผู้ปกครองของผู้ต้องหามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว









