
ศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี แจ้งความผู้บริหารโรงเรียนเอกชนเปิดหลักสูตรไม่ได้รับอนุญาต หลังพบเด็กนำไปวุฒิไปเรียนต่ออาชีวะแต่โรงเรียนใหม่พบไม่มีชื่อในระเบียนกระทรวงศึกษาธิการ
วันที่ 18 ม.ค. เวลา 14.30 น. ที่ สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ดร.พัฒนะ งามสูงเนิน ศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนจุฑารัตน์วิทยา ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ โดยให้ดำเนินคดีผู้อำนวยการโรงเรียนจุฑารัตน์วิทยาและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทำความผิดคือได้ทำหรือร่วมกันทำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการศึกษาไม่ตรงความเป็นจริง และนำเอกสารหลักฐานดังกล่าวแจ้งต่อสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการศึกษา

ดร.พัฒนะ กล่าวว่า มีผู้นำวุฒิการศึกษาจากโรงเรียนจุฑารัตน์วิทยาไปสมัครเรียนต่อในระดับปวช.และปวส.ซึ่งทางโรงเรียนได้ตรวจสอบเอกสารของเด็กนักเรียนจำนวน 7 คน พบว่าวุฒิการศึกษานั้นไม่ถูกต้อง หลังรับเรื่องร้องเรียนจึงตั้งคณะทำงานมีนิติกรจากคณะกรรมการการศึกษาเอกชนมาช่วยในการตรวจสอบ โดยมีการลงพื้นที่ตรวจสอบ 2 ครั้ง ผลปรากฏว่าหลักฐานใบจบการศึกษาของเด็กทั้ง 7 คนนั้นไม่ปรากฏชื่อที่บัญชีระเบียนปกติไปที่ศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี แต่ไปพบว่ามีการเปิดอีกบัญชีหนึ่งชื่อว่า “จุฑารัตน์พาขึ้นฝั่ง”
จากการตรวจสอบแล้วพบว่าการจัดการเรียนการสอนในโครงการ“จุฑารัตน์พาขึ้นฝั่ง” ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการแต่อย่างใด โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 61 สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี ได้มีหนังสือแจ้งผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนจุฑารัตน์วิทยาไปแล้วเพื่อให้หยุดการเรียนการสอนโครงการนี้

ศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไม่ทราบว่าโรงเรียนจุฑารัตน์วิทยา ให้วุฒิการศึกษากับนักเรียนไปแล้วกี่คนเพราะไม่ทราบว่าโรงเรียนมีการทำโครงการเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อใด แต่คาดว่าเกิน 1,000 คน โดยค่าใช้จ่ายต่อคนเท่าที่ตรวจสอบทางเฟซบุ๊คและไลน์เริ่มต้นตั้งแต่หลักพัน-หมื่นบาท ซึ่งหลังจากที่ตนเองสั่งยกเลิกไปแล้วนั้นทางโรงเรียนจุฑารัตน์วิทยาได้ไปฟ้องต่อศาลปกครอง
พ.ต.อ.พีรพล ไชยพงศ์ ผกก.สภ.หนองเสือ เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะได้ตรวจสอบชื่อผู้รับใบอนุญาตของโรงเรียนจุฑารัตน์วิทยา และตรวจสอบเอกสารต่างๆ เพื่อหาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหากพบมีการกระทำความผิดก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อเดือน ส.ค. 61 ตัวแทนจากโรงเรียนจุฑารัตน์วิทยา ได้ไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อร้องเรียนและขอความเป็นธรรม กรณีถูกระงับโครงการ “จุฑารัตน์วิทยา พาขึ้นฝั่ง” โดยยืนยันว่า ได้นำหลักการและวิธีการจัดการศึกษาตามมาตรา 15 แห่งพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 มาใช้ มีการเทียบโอนหน่วยกิต ประสบการณ์การทำงาน และการฝึกวิชาชีพมาเป็นหน่วยกิต รวมถึงการจัดการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้การเทียบโอนเป็นไปตามกฏของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีโรงเรียนที่จังหวัดเพชรบุรี ก็จัดการศึกษาในลักษณะนี้
อีกด้านนายชลำ อรรถธรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ได้รับแจ้งจากวิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ ให้ตรวจสอบนักเรียน 7 ราย ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานีและมาสมัครเรียนต่อในระดับ ปวช. 2 ราย ระดับ ปวส. 5 ราย พบว่า ไม่ได้จัดการเรียนการสอนเต็มเวลาบางคนเรียนเสาร์-อาทิตย์ บางคนเรียนเฉพาะวันอาทิตย์ ใช้เวลาเรียนแค่ 2-6 เดือน ต้องตรวจสอบว่า มีการปลอมวุฒิการศึกษาหรือไม่ โดยจากข้อมูลพบมีนักเรียนจบจากโครงการนี้ไปแล้วประมาณ 4,000 คนและจะจบเพิ่มเติมอีก 1,000 คน ซึ่งถ้าพบว่าไม่ถูกต้องจะต้องมีการยกเลิกวุฒิการศึกษา เรื่องนี้มีผลกระทบในวงกว้างเพราะมีการนำไปใช้ทั้งเรียนต่อและสมัครงานแล้ว ทั้งนี้ หากผิดแต่เด็กรับรู้แล้วยังมาสมัครเรียนจะมีความผิดด้วย









