
นายธรรมรัตน์ สุวรรณโพธิศรี แอดมินเพจสปอร์ตไลท์ภูเก็ต
ประเด็นคือ – แอดมินเพจดัง “โจ้ สปอร์ตไลท์ ภูเก็ต” เปิดโปงข้อมูลรีดส่วยในพื้นที่ เดือนละ 13 ล้านบาท เหตุบางตำแหน่ง ราคาแพงถึง 40 ล้าน เรียกร้องคนไทยลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิตัวเอง
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. กลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ หรือ Police Watch ร่วมกับ นายธรรมรัตน์ สุวรรณโพธิศรี แอดมินเพจ สปอร์ตไลท์ภูเก็ต ตัวแทนผู้ประกอบการที่ถูกเรียกเก็บส่วย ร่วมเสวนา ภายใต้หัวข้อ ประชาชนสุดทน แฉ! “ขบวนการส่วยตำรวจไทย หายนะภัยของชาติและประชาชน” ณ ห้องประชุม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
นายธรรมรัตน์ ระบุว่า ยอดการเก็บส่วนในพื้นที่มีจำนวนเงินสูงกว่า 13 ล้านบาทต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ตำบลหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ให้มีการเปิดสถานบริการเกินกำหนด ขายของสะเมิดลิขสิทธิ์ ปัญหาแรงงานต่างด้าว บ่อนการพนัน และ ธุรกิจผิดกฎหมายอื่น ๆ จำนวนมาก ซึ่งสถานบริการบางแห่งจะต้องจ่ายส่วนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 33 หน่วย เป็นเงินจำนวน 150,000 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ นายธรรมรัตน์ ยังยกสาเหตุที่ทำให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ ในจำนวนเงินที่สูง อาจมาจาก เก้าอี้ของ ผู้กำกับพื้นที่แห่งหนึ่ง มีราคาสูงถึง 40 ล้านบาท ทำให้ผู้ที่จะมานั่งเก้าอี้นี้ จำเป็นต้องถอนทุนคืน แต่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ หากไม่ยอมจ่าย ก็จะถูกกลั้นแกล้ง หรือไม่ก็ถูกจับกุมทันที บางครั้งรุนแรงถึงขั้นข่มขู่ให้หวาดกลัว อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตนออกมาเปิดเผยข้อมูลต่างๆ พบว่า ในพื้นที่ไม่มีการเรียกเก็บส่วยแล้ว เจ้าหน้าที่มีการผ่อนผันเวลา ให้ผู้ประกอบการสามารถขอใบอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ก่อนหน้านี้เพจ สปอร์ตไลท์ภูเก็ต ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลการเรียกรับผลประโยชน์ในพื้นที่จ.ภูเก็ต หรือ ที่เรียกว่า ส่วย จนกระทั่งมีการสั่งย้ายตำรวจหลายคนออกจากพื้นที่และให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่ วันที่ 17 พ.ย. พลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการแทนจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 41/2560 ย้ายตำรวจ ผู้กำกับการสภ.ป่าตอง และตำรวจ รวม 10 นาย ปฏิบัติิราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้ขาดจากตำแหน่งเดิม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง สั่งสอบ 15 ตร.ภูเก็ต ! ยศ. “พ.ต.ท. – ร.ต.ท.” จับต่างด้าวไม่ส่งตม.









