มารดาของ น.ส.ณัชชา ทองย้อย หรือรัดติ้ว อดีตผู้สื่อข่าว เข้าร้องเรียนกับรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอให้ช่วยเดินเรื่องรื้อฟื้นคดีใหม่ หลังลูกสาวติดคุกมานาน 5 เดือน เชื่อลูกสาวไม่มีส่วนรู้เห็นในการก่อเหตุยิงคน
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มารดาพร้อมครอบครัว เดินทางยื่นหนังสือร้องเรียน พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้รื้อคดี น.ส.ณัชชา ทองย้อย หรือ รัดติ้ว อดีตผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์ หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 6 ปี 8 เดือน ในข้อหาสนับสนุนการกระทำพยายามฆ่า โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาไปเมื่อตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2560
โดยนายสุรไกร ทองย้อย น้องชายคนเล็ก เล่าวันที่เกิด เหตุเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2556 นายสุชาติ ทองย้อย น้องชายนางสาวณัชชา ซึ่งเป็นพี่ชายของตนทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้านเรื่องที่ดิน โดยเพื่อนบ้านระบุว่านายสุชาติ ได้ปักเสาลวดหนามเข้าไปลุกล้ำที่สาธารณะ ประกอบกับคู่กรณีใช้คำพูดไม่สุภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากัน ทำให้เกิดบันดาลโทสะ วิ่งกลับมาเอาปืนที่บ้าน แล้วไปลงมือก่อเหตุยิงคู่กรณี 2 คน ยิง 3 นัด ถูกกลางหลัง 1 นัด และเฉียดน่องขา 1 นัด
โดยตนยืนยันว่า ขณะนั้นนางสาวณัชชาไม่ได้อยู่ขณะเกิดเหตุ เพราะตนกับนางสาวณัชชาวิ่งตามมาหลังเกิดเหตุ เพราะได้ยินเสียงปืนดัง ซึ่งในครั้งนั้้นการแจ้งความคู่กรณี ไม่ได้แจ้งความนางสาวณัชชา แต่หลังจากนั้น 2 เดือน คู่กรณีได้เข้าแจ้งความเพิ่มเติมต่อนางสาวณัชชา และนายสุรไกร โดยผู้เสียหายกล่าวว่า มีพยานยืนยันว่านางสาวณัชชาเป็นคนสั่งให้ยิง
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ
หลังจากนั้นจึงมีหมายเรียกจาก สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้นางสาวณัชชาและนายสุรไกรเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ทั้งนี้ตลอด 4 ปี ในการต่อสู้คดี นางสาวณัชชา เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ตนเอง และไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะกลัวเสื่อมเสียต่อวิชาชีพสื่อสารมวลชน และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
นางสาวณัชชา อดีตผู้สื่อข่าว ถูกแจ้งข้อหาสนับสนุนการกระทำพยายามฆ่า ศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก 6 ปี 8 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์เห็นต่าง เปลี่ยนเป็นร่วมกันทำร้ายร่างกาย ขณะที่ศาลฎีกาเห็นพ้องศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 ปี 8 เดือน ส่วนนายสุรไกรนั้น อัยการได้ยกฟ้อง เพราะไม่มีหลักฐานเอาผิด ขณะที่นายสุชาติ ทองย้อย ผู้ที่ก่อเหตุได้ยอมรับตั้งแต่ต้น ถูกพิพากษาจำคุก 25 ปี
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงพยานที่เกิดเหตุทั้งสองฝั่งทราบว่า วันเกิดเหตุพยานของคู่กรณี มีประมาณ 10 คน ที่ออกมาดูเหตุการณ์ เพราะมีปากเสียงมาระยะหนึ่ง ซึ่งมีพยาน 2 คนที่ให้การว่า นางสาวณัชชาได้ตระโกนว่า “ยิงเลย” ขณะที่่พยานฝั่งครอบครัวนางสาวณัชชามีคนงาน 2 คนที่ยืนยันมาตลอดว่า ในช่วงเหตุการณ์ยิงกัน มีเพียงนายสุชาติอยู่กับคนงาน 2 คน เท่านั้น และยืนยันว่านางสาวณัชชาไม่ได้พูดอะไรเมื่อวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุยิงกันแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องไว้พิจารณา พร้อมระบุว่า ตนเองยินดีจะให้คำปรึกษาในขั้นตอนของการขอรื้อคดี แต่ขณะนี้หลักฐานที่นำมายังไม่ครบ และไม่มีพยานหลักฐานอื่นเพียงพอให้นำมาหักล้าง จึงให้ครอบครัวกลับไปเตรียมหลักฐานพร้อมนำทนายความมาด้วยในครั้งหน้า
