ประเด็นคือ – ที่ จ.นครศรีธรรมราช จนท.สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุเข้าลักตัดขโมยผลปาล์มที่สวนเเห่งหนึ่งได้ จำนนด้วยหลักฐานผลปาล์มกว่า 500 กก.อยู่ในรถกระบะที่ติดหล่ม เผยกับตำรวจ เพื่อนอีก 2 คน ใช้ให้เฝ้ารถไว้ทั้งคืน
วันที่ 28 พ.ย. 60 ที่ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ร.ต.อ.พงษ์วุฒิ วุฒิพงษ์ รอง สว.สอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ สอบปากคำผู้ต้องหาคดีร่วมกันลักทรัพย์ หลังจากนายภัทรพล เครือรัตน์ อายุ 30 ปี ชาวบ้าน ต.บางรูป อ.ทุ่งใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน ได้แจ้งกับ ดต.พงศ์ธร ศรีสุกใส หัวหน้าสายตรวจตำบลบางรูป ว่าจับกุมคนร้ายที่ขโมยตัดผลปาล์มในสวนของตนได้ อยู่ในสวนปาล์ม หมู่ 9 ต.บางรูป อ.ทุ่งใหญ่ ให้มารับตัวไปดำเนินคดี
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงพบนายจรัล แก้วกูล อายุ 35 ปี ที่อยู่ทะเบียนบ้านกลาง ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คนร้ายที่เข้ามาขโมยตัดผลปาล์มน้ำมัน กำลังยืนเฝ้ารถกระบะอีซูซุตอนเดียว สีน้ำเงิน สภาพเก่า ทะเบียน น 1855 กระบี่ ที่ติดหล่ม ไม่สามารถขับไปได้ ตรวจสอบบริเวณท้ายกระบะบรรทุกผลปาล์มน้ำมันจำนวน 50 ทะลาย น้ำหนักประมาณ 535 กก. จึงจับกุมพร้อมยึดของกลางทั้งหมดนำตัวมาสอบสวนที่โรงพัก
จากการสอบนายจรัล แก้วกูล ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายสุรเชษฐ์ คงดี และนายชินภัทร แก้วแกมจันทร์ ก่อเหตุขโมยตัดผลปาล์ม โดยนำรถกระบะเข้ามาขโมยตัดผลปาล์มในสวนของนายภัทรพล ตั้งแต่เที่ยงวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยแบ่งหน้าที่กันทำ นายสุรเชษฐ์ ทำหน้าที่ตัดผลปาล์ม ส่วนตนและนายชินภัทร ทำหน้าที่ขนผลปาล์มที่ตัดขึ้นรถกระบะ แต่หลังขโมยตัดผลปาล์มเสร็จ กำลังขับรถกระบะออกจากสวนเพื่อไปขาย ระหว่างทางรถกระบะเกิดติดหล่มขนาดใหญ่ ไม่สามารถขับต่อไปได้ ตนจึงเฝ้ารถอยู่ในสวนตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้
ส่วนนายสุรเชษฐ์ และนายชินภัทร ขอตัวกลับบ้านไปก่อน และอ้างว่าจะไปหารถมาลากจูง กระทั่งเที่ยงวันนี้ เพื่อนทั้งสองก็ยังไม่มาช่วยลากรถออกจากหล่ม จนนายภัทรพล เจ้าของสวนปาล์ม เข้ามาพบ จึงถูกจับกุมดังกล่าว
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ จะติดตามผู้ต้องหาที่เหลือมาสอบปากคำเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ของผู้มีอาชีพเกษตรกรรม โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำความผิด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
