
หนุ่มพังงานหนีคดี พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กบดานกรุงเทพฯ นาน 17 ปี สุดท้ายไม่รอด ถูกตำรวจกองปราบแกะรอยเข้าจับกุมได้ที่บ้านพัก เบื้องต้นยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
วันที่ 6 พ.ย.2562 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.5 บก.ป., ด.ต.พงษ์ธร สุขเกษม, ส.ต.ท.สิทธิชัย ทวีโภค และ ส.ต.ท.ณัฐพงษ์ จันทร์ทอง ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุมนายเจรวิชญ์ หรืออู๊ด พันธ์ขาว อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดพังงา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ 112/2546 ลงวันที่ 24 มกราคม 2546 ซึ่งต้องหาว่า “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” (หลบหนีคดีมา 17 ปี)
พฤติการ์ณแห่งคดี เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2546 เวลาประมาณ 21.00 น. นายเจรวิชญ์ พร้อมด้วยเพื่อนอีก 3 คน ได้มาเที่ยวที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นั่งติดกับโต๊ะนายสามารถ คู่กรณี ต่อมาเวลาประมาณ 23.00 น. นายสามารถ และ นายเจรวิชญ์ ได้ทะเลาะมีปากเสียงกันเรื่องแย่งเด็กเสริฟของร้าน นายเจรวิชญ์ได้เรียกเช็คบิลเพื่อที่จะกลับ แต่ขณะที่นายเจรวิชญ์และเพื่อน กำลังเดินออกจากร้าน นั้นนายเจรวิชญ์ ได้เดินกลับมาหานายสามารถจากทางด้านหลังแล้วใช้มีดพับยาวประมาณ 10 เซนติเมตร แทงเข้าที่บริเวณบ่าขวาของนายสามารถจำนวน 2 ครั้ง เป็นเหตุให้ นายสามารถได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นนายเจรวิชญ์ได้วิ่งหลบหนีไป
นายสามารถ ถูกนำตัวส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพนม พนักงานสอบสวน สภ.พนม จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหาต่อศาล พฤติการณ์ในการณ์จับกุม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตรวจสอบจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีอุฉกรรจ์และคดีสำคัญต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงทำการตรวจสอบผู้ต้องหาตามหมายจับ นายเจรวิชญ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ 112/2546 ลงวันที่ 24 มกราคม 2546 ซึ่งต้องหาว่า “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
จากการสืบสวนติดตามผู้ต้องหารายนี้ทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาประกอบอาชีพรับจ้างและพักอาศัยอยู่ที่บริเวณแขวงหนองแขม เขตหนองแขม กทม. ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ต่อมาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 เวลาประมาณ 23.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พบนายเจรวิชญ์ ผู้ต้องหาอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 2/4 หมู่บ้านสรัลพร ซอยเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ 32 แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กทม. ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแสดงหมายจับให้ นายเจรวิชญ ดู และอ่านจนเข้าใจดีแล้ว นายเจรวิชญ์ฯ รับว่าตนเองเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวนี้จริงและไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีตามหมายจับดังกล่าวนี้มาก่อน จึงจับกุมตัวและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป (หลบหนีคดีมา 17 ปี) จากการซักถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา









