ผบช.สตม. ยันผู้ต้องสงสันบึ้ม สตช.เข้าออกประเทศเพื่อนบ้าน

ผบช.สตม. ยันผู้ต้องสงสันบึ้ม สตช.เข้าออกประเทศเพื่อนบ้าน

 ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เผยตรวจสอบข้อมูลพบ 2 ผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินทางเข้า-ออกประเทศเพื่อนบ้าน ประสานพื้นที่ตรวจเข้ม

วันที่ 6 ส.ค.2562 สำนักงานคนเข้าเมือง(สตม.) วานนี้พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออก 2 ผู้ต้องสงสัย วางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ก่อนก่อเหตุ มีการเดินทางเข้าออกนอกประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านด่านตม.นราธิวาส ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถจับหน้าผู้ต้องสงสัยได้อย่างชัดเจน ส่วนวันเวลาเดินทาง หรือเดินทางเข้าออกกับใครนั้น รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งข้อมูลทั้งหมด ได้รายงานไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการมายังผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำชับไปยังทุกด่านตม. ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ ในการเพิ่มความเข้มงวด โดยเฉพาะด่านตม.ทางภาคใต้ ให้เก็บรายละเอียดและตรวจค้นยานพาหนะ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เข้า-ออก พร้อมประสานไปยังหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น

ขณะที่โฆษกรัฐบาล เผยคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัย เร่งดำเนินการจับผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ติดตามสถานการณ์และสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ด้วยความเป็นห่วงต่อสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชนทุกคน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้เร่งพิสูจน์ทราบและจับกุมคนร้ายที่พยายามสร้างสถานการณ์ มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว พร้อมขยายผลผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมกันนี้ ได้กำชับผบ.ตร. มาโดยตลอด ให้ทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพยึดหลักกฎหมายระเบียบข้อบังคับสามารถตรวจสอบได้และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง แม้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมหมดแล้ว แต่มาตรการการรักษาความปลอดภัยยังมิได้ลดลง เพื่อเป็นการเฝ้าระวังความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น นายกฯ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตา ช่วยกันเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย จากลักษณะที่พบจากกล้องวงจรปิด จะเห็นว่ามีการสวมใส่หน้ากากคนป่วยเพื่ออำพราง แต่อาจจะไม่ได้ป่วยจริง สวมแว่นดำ หรือหมวกเพื่อปกปิดใบหน้า หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากประชาชนคนไทยร่วมมือร่วมใจกัน สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว

 

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง