หนุ่มนักแข่งรถพา “ฝน ฮอร์โมน” ซิ่งเฟอร์รารี่ชนแท่งปูนแบริเออร์ บาดเจ็บทั้งคู่

หนุ่มนักแข่งรถเจ้าของแบรนด์รังนกดัง พา “ฝน ฮอร์โมน” นักแสดงสาวซิ่งเฟอร์รารี่ชนแท่งปูนแบริเออร์ ที่สมุทรปราการ ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่

เมื่อเวลา 03.30 น. วันนี้ (4 ธ.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ธนาวุฒิ ดวงจินดา รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนแท่งปูแบริเออร์ ซึ่งเป็นแนวกั้นสถานที่ก่อสร้างสะพานรถไฟฟ้าเกาะกลางถนนศรีนครินทร์ ขาออกมุ่งหน้าสี่แยกศรีเทพา บริเวณหน้าร้านขายกระเบื้องปูพื้น ไดนาสตี้ ไทล์ท้อป สาขาบางนา – เทพารักษ์ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายเป็นชายและหญิง หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยอาสามูลนิธิป่อเต๊กตึ้งเดินทางเข้าตรวจสอบ

จากการตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งหรูยี่ห้อ เฟอร์รารี่ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ชนอัดอยู่กับแท่งปูแบริเออร์ แนวกั้นสถานที่ก่อสร้างสะพานรถไฟฟ้า ในสภาพด้านหน้าฝั่งขวาพังยับเยิน ส่วนผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นคนขับถูกโครงเหล็กซากรถอัดติดอยู่ด้านใน เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ต้องนำเครื่องตัดถ่างมาทำการตัดโครงเหล็กชุดประตูข้างคนขับออก และทำการถ่างโครงเหล็กคอนโซนหน้ารถถึงสามารถช่วยเหลือคนขับซึ่งเป็นชายออกมาได้ ทราบชื่อนายสราวุธ เสรีธรณกุล อายุ 36 ปี เจ้าของแบรนด์รังนกชื่อดัง และยังเป็นนักแข่งรถชื่อดัง ทีม Racing Spirit ค.ร.ม. คนรักเมีย PSC Motorsport ซึ่งได้รับบาดเจ็บขาข้างขวาหัก และที่บริเวณเบาะนั่งข้างซ้ายพบผู้บาดเจ็บอีกรายเป็นหญิงชื่อ นางสาวศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล หรือ ฝน ฮอร์โมน อายุ 25 ปี ดารานักแสดง ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เจ็บหน้าอกและมีอาการจุกเท่านั้น อาสามูลนิธิฯ ได้ช่วยนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ก่อนที่จะขอย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร

ภาพ ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล หรือ ฝน ฮอร์โมน จาก IG: @sananthachat

จากการสอบถามนายสราวุธ เป็นคนขับซึ่งพอให้การได้เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังขับรถมาตามถนนดังกล่าวและคาดว่ารถน่าจะเหยียบเข้ากับน้ำมันหรืออะไรบางอย่างทำให้รถลื่นและเสียหลักพุ่งเข้าชนแท่งปูแบริเออร์ ที่เป็นแนวกั้นที่ก่อสร้างสะพานรถไฟฟ้าที่อยู่เกาะกลางถนน

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร อาจะเหยียบน้ำมันและอะไรบางอย่าง ตามที่ผู้บาดเจ็บบอก หรืออาจจะด้วยความเร็วของรถ จึงทำให้เสียหลักพุ่งชนแท่งแบริเออร์ อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป