นายปิยพันธ์ วงศ์ยะรา ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท สต๊อคทูมอร์โรว์ จำกัด เปิดเผยว่า มีการคาดการณ์ตลาด NFT ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 4.5 เท่า ภายในปี 2027 หมายความว่าตลาดจะเติบโตสูงถึง 13,600 ล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2027 จากมูลค่าตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ 3,000 ล้านดอลลาร์ การเติบโตนี้อ้างอิงจากอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 35.0% หากความสนใจในหมู่นักลงทุนยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป โดยการเติบโตของอินฟลูเอ็นเซอร์ ชุมชนเกม และความต้องการงานศิลปะดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น จะยังคงอยู่เบื้องหลังการเติบโตของ NFT ทั่วโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้ในระยะนี้จะมีความผันผวนสูงแต่ก็ถือเป็นช่วงปฏิวัติวงการสินทรัพย์ดิจิทัลคัดกรองให้เหลือเพียง สินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ซึ่งมีความเสี่ยงและผันผวนต่ำ ซึ่งในอนาคตโอกาสกลับมาเติบโตได้อีก โดยเฉพาะNFT ซึ่งเป็นเทรนด์การสร้างรายได้และลงทุนทำกำไรได้ในระยะยาว (Long term investment)ที่น่าสนใจ แต่จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลและวางแผนอย่างดีควบคู่ไปด้วย

นายปิยพันธ์ กล่าวต่อว่า Stock2morrow ได้พัฒนาและพร้อมเปิดตัวแพลตฟอร์ม BullMoon Club NFT เป็นตัวกลางซื้อขายแลกเปลี่ยน NFT สัญชาติไทยรายแรก ที่เน้นความเป็นคอมมูนิตี้ของนักลงทุนและนักธุรกิจเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การลงทุนรูปแบบใหม่ในโลกดิจิทัล โดยเลือกใช้ Ethereum สกุลเงินดิจิทัลอันดับสองของโลกในการแลกเปลี่ยน มีจุดเด่นเป็น Blockchain ที่นักพัฒนาสามารถสร้าง แอปพลิเคชัน แบบกระจายศูนย์ หรือ Dapps (Decentralized Application) โดยสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองผ่าน Smart Contract นับเป็นสกุลเงินที่ศักยภาพเปิดกว้างให้ผู้คนทั่วโลกและนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าถึงได้ง่าย โดยเลือกวางแพลตฟอร์มไว้บนมาร์เกตเพลส OpenSea ตลาดสำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนงานศิลปะหรือของสะสม NFT ที่ได้รับความนิยมและน่าเชื่อถือที่ใหญ่ที่สุดของโลกในปัจจุบัน
สำหรับจุดแข็งที่สำคัญของ BullMoon Club NFT คือ ความเป็นคอมมูนิตี้ที่มีคุณภาพ มีความเข้มแข็งที่ Stock2morrow นำมาจัดกิจกรรม อีเวนต์ให้ความรู้อัปเดตเทรนด์ จากกูรู ผู้เชี่ยวชาญ เป็นสังคมที่ส่งต่อข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ NFT ของคนในคลับพร้อมนำประสบการณ์ด้านการลงทุนมาร่วมแบ่งปัน เพื่อช่วยต่อยอดการลงทุนสร้างมูลค่า ซึ่ง NFT เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนามาจาก 3 รากฐานที่สำคัญ คือ Utility (ประโยชน์) Community (คลับของนักลงทุน) และ Art (งานศิลปะคุณภาพ) ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดสภาพคล่องที่ดีให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยในซีรีส์แรก BullMoon Club NFT จะเปิดรับ NFT จำกัดเพียง 5,500 ชิ้นและจำนวนสมาชิกเพียง 5,000 คน
“BullMoon Club NFT จะกลายเป็นศูนย์รวมของนักลงทุน รุ่นเก๋าและรุ่นใหม่ ที่วันนี้ความพร้อมด้าน NFT เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์ของผู้คนคุ้นชินกับการใช้จ่ายออนไลน์ทั้งในรูปแบบสกุลเงินดั้งเดิมและสกุลเงินดิจิทัล เป็นจุดเริ่มต้นผลักดัน Passion ในการสร้างคอมมูนิตี้คุณภาพที่รวมเอานักลงทุนและนักธุรกิจ BullMoon Club NFT จึงเป็นตัวแทนนักลงทุนสองรุ่น Bull กระทิงตัวแทนนักลงทุนรุ่นเก๋า Moon พระจันทร์ตัวแทนของนักลงทุนรุ่นใหม่ เพื่อสื่อให้เห็นถึงความพร้อมของคอมมูนิตี้สำหรับนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งสองเจนเนอร์เรชัน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกสำหรับการลงทุนยุคใหม่ของโลก Metaverse ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกเร็วๆนี้” นายปิยพันธ์กล่าว











