กรณีการปล้นทอง “ห้างทองสุธาดา” ที่ตลาดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา มีข้อมูลออกมาเพิ่มเรื่อยๆ โดยเฉพาะความเสียหายที่น่าจะสูงถึง 85 ล้านบาท เพราะคนร้ายกวาดไปทั้ง ทองที่ขายหน้าร้าน น้ำหนัก 2,300 บาท ทองคำที่ลูกค้าจำนำ น้ำหนัก 100 บาท ที่เหลือคือ ทองคำแท่งและเพชร
ส่วนพฤติกรรมของคนร้ายก็มีความซับซ้อน มีการแบ่งงานกันทำเป็นขั้นตอน
พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยหลังประชุมทีมคลี่คลายคดี ว่า ลักษณะการก่อเหตุของคนร้ายให้น้ำหนักเชื่อมโยงว่าเกี่ยวกับคดีความมั่นคงถึง 80% อีก 20% ต้องรอผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ถึงจะฟันธงและสรุปได้
คนร้ายทำงานเป็นทีม แยกเป็น กลุ่มปล้นรถตู้ที่ใช้ก่อเหตุจากปัตตานี กลุ่มคุมตัวคนขับรถตู้ กลุ่มที่นำรถไปส่งให้ทีมปล้นทอง ทีมปล้นร้านทอง และทีมพาหลบหนี
ในส่วนทีมที่ปล้นทองยังมีทั้งที่ถืออาวุธสงครามเข้าปล้น และส่วนของคนร้ายแฝงตัวเป็นลูกค้ามาเคาะให้ร้านเปิดสวิตช์ประตูที่ล็อกจากด้านในแล้วดันประตูให้ทีมปล้นที่ถืออาวุธสงครามตามเข้าไป
รวมๆ แล้วคนร้ายที่ร่วมขบวนการปล้นครั้งใหญ่น่าจะมากถึง 17-20 คน และข้อมูลที่น่าสนใจจาก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 คือ คล้ายกับคดีปล้นเต็นท์รถวังโต้ คาร์เซ็นเตอร์ ในอ.นาทวี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2560 ที่คนร้ายต้องการนำไปทำคาร์บอมบ์ เพื่อก่อความไม่สงบ
เวลา 11.34 น. วันที่ 16 ส.ค. 60 กลุ่มคนร้าย 6 คนแต่งชุดพรางสีดำ ขับรถหลังคาไฟเบอร์ ที่ปล้นฆ่าเจ้าของเป็นพาหนะจาก อ.ยะรัง ปัตตานี
บุกเข้าปล้นเต็นท์รถมือสอง ได้รถไป 6 คัน โดยจับตัว นายธานีศักดิ์ ยี่จีน อายุ 45 ปี เจ้าของเต็นท์รถ และพนักงานของรถ คือ นายวีรศักดิ์ รัตน์พันธ์ อายุ 23 ปี นายสหรัฐ แหละหนิ๊ อายุ 20 ปี และ นายประทานพร นวลละมูล อายุ 23 ปี ขึ้นรถไปด้วยเพื่อเป็นตัวประกันระหว่างหลบหนี
จากนั้นนำทั้งหมดไปยิงทิ้งที่บ้านควนหินเภา ต.วังใหญ่ อ.เทพา จ.สงขลา นายสหรัฐ เจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนที่เหลือหนีออกมาได้
ขณะที่คนร้ายถูกยิงเสียชีวิตคารถระหว่างหลบหนี 1 คน พบมีระเบิดแสวงเครื่องบรรจุถังแก๊สและถังน้ำมันซุกอยู่ในรถ
ส่วนรถคันอื่นๆ คนร้ายจุดระเบิดริมถนนในพื้นที่ อ.หนองจิก ปัตตานี 1 คัน ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ, จอดทิ้งในสวนยางพารา ที่อ.โคกโพธิ์ ปัตตานี 1 คัน, จุดชนวนระเบิดที่ หน้าบ้านพักตำรวจ สภ.มายอ จ.ปัตตานี 1 คัน, จอดทิ้งที่โรงสูบน้ำประปา อ.เมือง ปัตตานี 1 คัน, จอดทิ้งริมทางที่ อ.เทพา จ.สงขลา 1 คัน (น้ำมันหมด)
ลักษณะการก่อเหตุในครั้งนั้นมีการวางแผนโดยละเอียด แบ่งงานกันระหว่างทีมที่ปล้นรถคันแรก กับทีมที่ปล้นเต็นท์รถ และทีมที่มาประกอบระเบิดในรถเพื่อทำคาร์บอมบ์
ต่อมามีการติดตามจับกุมคนร้ายได้ และศาลนาทวี จ.สงขลา มีคำพิพากษา เมื่อ 12 ก.พ. 62 ประหารชีวิต 1 คน จำคุกตลอดชีวิต 3 คน และ จำคุก 2 ปี 8 เดือนอีก 1 คน
คนร้ายทีมปล้นทอง ขับรถตู้ที่ใช้ปล้นมาอีกทีในการก่อเหตุ
น่าสนใจว่าคนร้ายที่ลงมือปล้นทองที่นาทวี ในรอบนี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่เคยก่อเหตุปล้นเต็นท์รถหรือไม่ หรือเป็นเพียงรูปแบบการวางแผน แบ่งงาน และพฤติกรรมบางอย่างที่คล้ายกัน
