อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยัน วัคซีน ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ ปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ส่วน วัคซีน ‘ซิโนแวค’ ลอตสอง 800,000โดส เตรียมส่งถึงไทย 20 มี.ค. 2564 นี้

วันที่ 14 มี.ค.2564 จากกรณีที่ประเทศทางยุโรป มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด หลังฉีดวัคซีนโควิดแอสตร้าเซนเนก้าทำให้มีการชะลอการฉีดวัคซีน กันเกิดขึ้น รวมไปถึงประเทศไทย ล่าสุด อธิบดีกรมควบคุมโรคเผย วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยข้อมูล โรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ส่วนใหญ่จะเป็นคนยุโรป แค่ขึ้นเครื่องบินนั่งนานๆ จะมีเลือดอุดตันที่ขา พอเลือดค้างนานๆในหลอดเลือดจะทำให้เลือด แข็งตัวได้ง่าย คนยุโรปเสี่ยงมาก คนเอเชียเสี่ยงน้อย ประชาชน 1 ล้านคน จะเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่เท้าเพียง 10 คน ความอันตราย พอลิ่มเลือดอุดตันมีโอกาสเกิดเป็นก้อนเลือดกระจายไปที่ปอด ทำให้เลือดอุดตันในปอด ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนล้มเหลว และเสียชีวิตได้ ทำให้แพทย์พยาบาลมีความกังวล และโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด 1 ล้านคน เกิดเพียง 10 คน
อาการพึงประสงค์
ไม่มีอาการ
– มีภูมิต้านทาน ป้องกันโรค
อาการไม่พึงประสงค์
ไม่รุนแรง
– ไข้ต่ำ ปวดศรีษะ
– คลื่นไส้ อาเจียน
– อ่อนเพลีย
– ปวดบริเวณที่ฉีด
รุนแรง
– ไข้สูง
– แน่นหน้าอก
– ชัก/หมดสติ
– ผื่นขึ้นทั้งตัว
– ปากเบี้ยว
อาการเหล่านี้ต้องรักษา
สรุป ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด หลังจากมีข้อมูลจากประเทศเดนมาร์กเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทางผู้เชี่ยวชาญได้ติดต่อไปยังองค์การอนามัยโลก และยืนยันข้อมูล เป็นทางการ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าปลอดภัย วัคซีนไม่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ในหลอดเลือด การเกิดไม่ได้ผิดปกติ ในหลายประเทศก็ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แนะนำให้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าต่อไป
นอกจากนี้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยังเปิดเผยว่า สำหรับแผนการฉีดวัคซีน ที่ผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์ ภาพรวมถือว่าเป็นไปตามแผน 10 ใน 13 จังหวัด ทำได้ดีกว่าแผนที่วางไว้ และสัปดาห์หน้า จะเริ่มทยอยฉีดในเข็มที่สอง ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ทั้งนี้ บริษัท ซิโนแวค ยืนยันแล้วว่า จะทำการส่งมอบวัคซีนอีก 800,000 โดส เข้าไทยวันที่ 20 มีนาคม 2564 ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องดำเนินตามกระบวนการ คือ การตรวจเอกสารต่างๆ จากโรงงานผลิต และนำวัคซีนไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจทางห้องปฏิบัติการ หากยืนยันว่าปลอดภัย เอกสารครบถ้วน ก็สามารถนำมาฉีดให้ประชาชนได้เลย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายต่อไป คือ จะฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ กทม. สมุทรสาคร และปทุมธานี เพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่มพื้นที่ในการฉีดวัคซีนไปนอกโรงพยาบาลมากขึ้น แต่ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์ ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนได้เร็วขึ้น
ที่มา: https://www.facebook.com/fanmoph/videos/908363623248393










