ศาลชั้นต้น ยกฟ้อง “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” ในคดีที่ อดีตสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ยื่นฟ้องฐานฉ้อโกง ซึ่ง นายศุภชัย ยังต้องรับโทษ จำคุกในคดียักยอกทรัพย์ที่ศาลฎีกาสั่งจำคุก 7 ปีไปก่อนหน้านี้
วันนี้ (30 มิ.ย.) ศาลอาญา รัชดาฯ อ่านคำพิพากษาคดี หมายเลขดำ อ.1260/61 ที่นางนวลฉวี เกตุวัฒนเวสน์ กับพวกรวม 412 คน ร่วมกันเป็นโจกย์ ยื่นฟ้องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เป็นจำเลยที่ 1, นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ในฐานะประธานบริหารสหกรณ์ฯ เป็นจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จ
สืบเนื่องจากระหว่างปี 2552-2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้โฆษณาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปทราบว่า กิจการของจำเลยที่ 1 เป็น “ธนาคารพาณิชย์” มีสถานะการเงินมั่นคง น่าเชื่อถือสามารถจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์พิเศษอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ธนาคารพาณิชย์อื่นพึงจ่ายได้
เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งหมดและประชาชนหลงเชื่อนำเงินมาฝากกับจำเลยที่ 1 ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยที่ 1 มีสถานะเป็นเพียง “สถาบันการเงินเพื่อชุมชน” เท่านั้น ไม่มีสถานะเป็นสถาบันเป็นธนาคารพาณิชย์แต่อย่างใดทำให้จำเลยทั้งสอง ได้เงินหรือทรัพย์สินจากโจทก์ไปรวมทั้งสิ้น 1,115,567,027 บาท ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษายกฟ้องทั้งจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เนื่องจากพยานหลักฐานยังรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสหกรณ์ฯ กระทำผิดตามฟ้อง ขณะที่จำเลยที่ 2 พยานหลักฐาน ยังมีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่จึงพิพากษายกฟ้อง
ทั้งนี้ หลังฟังคำพิพากษาข้างต้น นายศุภชัย ถูกคุมตัวไปฟังคำพิพากษาศาลอีกคดี คือคดี อ.235 /2562 ที่นายคนอง จุลมนต์ กับพวมรวม 292 คน ยื่นฟ้องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เป็นจำเลยที่ 1, นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ในฐานะประธานบริหารฯ เป็นจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จ อีก 1 สำนวน ซึ่งศาลมีคำพิพากษาคดียกฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีฉ้อโกงเป็นคนละคดีกับคดียักยอกทรัพย์ที่นายศุภชัย เป็นจำเลย โดยในคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นคดีที่อัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ระบุความผิดโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 มีมติเลือกนายศุภชัย จำเลยเป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ชุดที่ 29 อยู่ในตำแหน่ง 2 ปี ต่อมานายทะเบียนสหกรณ์ได้ตรวจสอบ พบว่า การเรียกประชุมใหญ่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมาย นายทะเบียนจึงมีหนังสือลงวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556 ไม่รับรองตำแหน่ง ประธานกรรมการจากการประชุมดังกล่าว
ต่อมาสหกรณ์ยูเนี่ยนฯ ประชุมใหญ่วิสามัญและมีมติรับรอง นายศุภชัย เป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์อีกครั้ง และยังเปิดประชุมคณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 2 สมัยสามัญ ครั้งที่ 1/2556 และมีมติแต่งตั้ง นายศุภชัย จำเลย ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการสหกรณ์ฯ อีกตำแหน่งด้วย
กระทั่งวันที่ 10 เมษายน – 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 จำเลย ซึ่งเป็นประธานกรรมการสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ได้กระทำการทุจริต โดยให้เจ้าหน้าที่บัญชีเบิกเงินสดของสหกรณ์ ผู้เสียหายหลายครั้งรวม 8 ครั้ง ระหว่าง 184,000 – 6,000,000 บาท รวม 22,132,0000 บาท เข้าบัญชีจำเลย หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต และทัังนี้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายศุภชัย เป็นเวลา 7 ปี










