วันที่ 8 เม.ย. 63 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดเผยถึงหลักเกณฑ์การเข้ารับการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ซึ่งล่าสุดมีการปรับแก้ไขเพิ่มเติมสถานการณ์ของโรคและเพื่อเพิ่มการตรวจให้มีจำนวนมากขึ้น ดังนี้
กรณีที่ 1 การเฝ้าระวังด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ประชาชนที่มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ มีไข้ตั้งแต่ 37.3 องศาเซลเซียสขึ้นไป มีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย หรือ หายใจลำบาก และมีประวัติเดินทางมาจากต่างประเทศทุกประเทศ ทุกเที่ยวบิน ทุกช่องทาง
กรณีที่ 2 การเฝ้าระวังในสถานพยาบาล แสดงอาการมีไข้ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป หรือประวัติมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย หายใจลำบาก หรือ ปอดอักเสบ ร่วมกับ ความเสี่ยงอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
1. มีประวัติเดินทาง หรืออาศัยในพื้นที่เกิดโรค COVID-19
2. อาชีพที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยว หรือติดต่อคนจำนวนมาก
3. ไปสถานที่แออัด ตลาด ห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาล ขนส่งสาธารณะ
4. สัมผัสผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ COVID-19
5. กรณีผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ ที่หาสาเหตุไม่ได้ ผลเอกซเรย์ปอดเข้าได้กับเชื้อ COVID-19
กรณีที่ 3 การเฝ้าระวังในบุคลากรด้านการแพทย์ คือไข้ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส หรือประวัติมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย หายใจลำบาก หรือ ปอดอักเสบ ทุกรายที่แพทย์ผู้ตรวจสงสัยว่าติดเชื้อ COVID-19 สัมผัสผู้ป่วย หรือสงสัยว่าป่วย เมื่อมีอาการให้เข้ารับการตรวจ
กรณีที่ 4 การเฝ้าระวังผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ อยู่ในแผนกตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป บุคคลทั่วไปอยู่ในสถานที่เดียวกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ร่วมกับมีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ สงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่ผลตรวจเป็นลบ ซึ่งหากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งพร้อมๆ กัน ให้เข้ารับการตรวจในสถานพยาบาลฟรี
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่าประสิทธิภาพในการตรวจของห้องปฏิบัตการใน กรุงเทพมหานคร ตอนนี้สามารถตรวจได้ 10,000 รายต่อวัน ขณะที่ต่างจังหวัดรวมกันทั้งประเทศสามารถตรวจได้อีก 10,000 ราย ซึ่งรัฐออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
