ตร.ขอคลิปจากทนายตั้มเร่งสางคดีอดีต ผกก.โจ้ ลั้นไบโพลาร์ไม่มีผลต่อคดี

สอบสวนกลางเตรียมย้ายอดีต ‘ผกก.โจ้-พวก’ ไปคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพระหว่างรอศาลพิจารณา

วันที่ 31 ส.ค. 2564 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีอดีตผู้กำกับโจ้-พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่าอยู่ระหว่างการทำหนังสือขอให้ศาลพิจารณาในการขอย้ายตัวมาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อง่ายต่อการดำเนินการทางคดี เมื่อศาลมีคำสั่งให้ย้ายตัวผู้ต้องหาทั้งหมดก็จะเข้าขั้นตอนของทางกรมราชทัณฑ์ในการดำเนินการย้ายตัวนักโทษ ซึ่งส่วนของกองปราบปรามได้รับหมอบหมายให้ดำเนินการ 3 ประเด็น คือ การดำเนินคดีเอาผิดคดีอาญา, การตรวจสอบและดำเนินการเอาผิดในส่วนของประเด็นรถหรูที่นำเข้าจากต่างประเทศและอดีตผู้กำกับโจ้แจ้งจับเอง

ขณะที่วานนี้นายณรงค์ จุ้ยเส่ย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางพิษณุโลก เปิดเผยถึงการเข้าประเมินสภาพจิตใจของอดีตผู้กำกับโจ้ กับพวกทั้ง 7 คนว่า ได้รายงานเรื่องนี้ให้ทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ทราบแล้วว่า ผลการตรวจของแพทย์จิตเวชคือ ผู้ต้องขังกลุ่มดังกล่าวมีความเครียด นอนไม่หลับ มีปัญหาเรื่องการปรับตัว มีภาวะซึมเศร้า แต่ยังคงทานอาหารได้ตามปกติ มีเพียงบางคนที่ทานอาหารไม่ได้ จิตแพทย์จึงให้ยาคลายเครียด ยาแก้อาการซึมเศร้า ยานอนหลับ และจะเข้าประเมินอาการอีกครั้งเมื่อครบ 30 วัน

รายงานแจ้งว่า มีการเปิดเผยข้อมูลว่าอดีตผู้กำกับโจ้ มีประวัติเคยรักษาโรคไบโพลาร์ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งและต้องกินยาอยู่เรื่อยๆ

โรคไบโพลาร์ไม่มีต่อรูปคดี

ด้านพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า ตามหลักกฎหมายนั้นตามความเป็นจริงไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างได้ เชื่อว่าทางศาลมีแนวทางในการพิจารณาคดีนี้อยู่แล้วและทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้ทำคดีตามพยานหลักฐาน

ล่าสุด ทนายตั้ม-นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ข้อความระบุว่า ได้รับการประสานจากคณะพนักงานสอบสวนคดีตผู้กำกับโจ้ เพื่อให้ปากคำในวันนี้ เวลา 18.00 น.ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมขอให้นำคลิปหลักฐานที่ผมเผยแพร่เข้าสู่สำนวนการสอบสวน