Digital Government รัฐบาลดิจิทัล ปราบโกงด้วยระบบ

Digital Government รัฐบาลดิจิทัล ปราบโกงด้วยระบบ

TOMORROW

Digital Government เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้วที่กรุงเทพฯ

กรุงเทพฯ ได้ดำเนินนโยบาย ‘Open Bangkok’ เปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลงบประมาณ การใช้จ่าย และการทำสัญญาต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเป็นองค์กรที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 216 นโยบายที่ผู้ว่าฯ คนใหม่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เคยประกาศไว้ว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ที่ต้องดำเนินการ

นโยบาย Open Bangkok สำคัญยังไง? มันเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นรัฐบาลเปิด เปิดให้ประชาชนตรวจสอบ เปิดใช้ประชาชนมีส่วนในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของข้าราชการ และเป็นหนึ่งในการดำเนินงานตามแนวทาง ‘Digital Government’

ในช่วง 10 ปีให้หลังมานี้ กระแสการพูดถึง Digital Government เริ่มมาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่าวก้าวกระโดด ประเทศต่างๆ เริ่มเปลี่ยนกระโจนเข้าสู่ยุค Paperless แล้วย้ายทุกอย่างไปให้บริการบนออนไลน์ เพื่อง่ายต่อประชาชน รวมถึงตัวหน่วยงานรัฐเอง

[แล้ว Digital Government ที่พูดถึงนี่คืออะไร?]

มันคือการที่ภาครัฐนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงาน มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา และประหยัดทรัพยากรที่เสียไปโดยไม่จำเป็น ทั้งกระดาษ รวมถึงบุคลากรบางตำแหน่งที่เทคโนโลยีอาจมาทดแทนเพื่อให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น

ตอนนี้หลายๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงไทยก็วางแผนเพื่อเปลี่ยนผ่านจากสถานะรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Government เพื่อไปเป็นการบริหารผ่านดิจิทัล จนมีการตั้งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA นับตั้งแต่ปี 2561 จนถึงตอนนี้ไทยไปได้ไกลแค่ไหน กับการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล 

[เส้นทางการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของไทย]

ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เคยให้สัมภาษณ์กับเราไว้แล้วว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่ Digital Government ของไทยเดินทางมาได้ไกลแล้ว แต่ก็ยังเหลือทางที่ต้องไปอีกยาวไกลเช่นกัน

อย่างที่บอกไป ตอนนี้ไทยเรายังเป็น e-Government ซึ่งในความหมายตรงตัวมันคือ “การนําเทคโนโลยีและการสื่อสารมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการและบูรณาการการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐ” นี่คือนิยามตามที่ DGA บอกไว้ แต่อธิบายให้เห็นภาพขึ้นคือ การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบออนไลน์ พัฒนาระบบ Backoffice ที่ควรจะใช้แค่ในสำนักงาน ให้ประชาชนเข้ามาร่วมใช้งานได้ด้วย และมีการบูรณาการกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ 

ส่วน Digital Government เป้าหมายคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มันลื่นไหลมากขึ้น และสิ่งที่ตามมาหลังจากกระบวนการเปลี่ยนผ่านนั้นก็คือ ‘Open Government’ หรือการเปิดรัฐบาลเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ 

ซึ่งประเทศไทยก็มีนโยบายด้านการเปิดข้อมูลตั้งแต่ปี 2558 จนถึงตอนนี้มีข้อมูลที่เปิดเผยไปแล้วกว่า 5,000 ชุด ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ

[รัฐบาลทำอะไรบ้างเพื่อเดินหน้าไปสู่ Digital Government] 

เฉพาะช่วง 10 ปีให้หลังนี้ รัฐบาลพยายามผลักดันกรอบกฎหมาย และทิศทางพัฒนาประเทศไปสู่ระบอบดิจิทัลหลายต่อหลายครั้ง อย่างที่เด่นๆ คือ พ.ร.บ.การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ.2562 หรือ พ.ร.บ.รัฐบาลดิจิทัล ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562

เมื่อกลางปี 2563 ครม.เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) เพื่อให้มีระบบกลาง Cloud Service สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่ปลอดภัย สะดวก รองรับการใช้งาน Big Data ของรัฐ และพัฒนาข้าราชการให้มีความพร้อมด้านดิจิทัล ซึ่งจะมีผลพลอยได้คือประหยัดงบประมาณส่วนของค่าเช่า Cloud ไปได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 59% เลย นอกจากนี้ โครงการ  Cloud กลางภาครัฐยังทำให้ระบบการจัดเก็บข้อมูลของประเทศมีความมั่นคงปลอดภัย เพราะถูกเก็บในระบบที่เป็นมาตรฐานสากล และตั้งอยู่ในประเทศ ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล 

[ระบบราชการดั้งเดิมพรากโอกาสอะไรไปบ้าง]

Opportunity Cost หรือค่าเสียโอกาสแฝงที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่ล่าช้าของระบบราชการที่น่าสนใจคือการใช้ทรัพยากรมนุษย์ไม่ตรงจุด และโอกาสการแข่งขันทางเศรษฐกิจ

– ทรัพยากรมนุษย์

ในรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท พบว่า 40% ถูกใช้ไปกับค่าใช้จ่ายข้าราชการและบุคลากรในหน่วยงานรัฐ แต่ในศตวรรษที่ 21 มนุษย์ไม่ต้องทำทุกอย่างเองกับมือ เรามีเทคโนโลยี เรามี AI มีเครื่องมืออีกมหาศาลมาช่วยย่นกระบวนการทำงาน หรืออาจจะถึงกับทดแทนบางตำแหน่งไปเลยก็ว่าได้ 

ระบบการทำงานแบบเดิมเป็นข้อจำกัดที่ทำให้บุคลากรของประเทศเราไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาผ่อนงานบางประเภท เช่น การประสานงาน และหันไปส่งเสริมให้ราชการทำงานที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์มากกว่า น่าจะเป็นการปลดล็อกรูปแบบการทำงานแบบเก่า และสร้างประโยชน์ให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล

– การแข่งขันทางเศรษฐกิจ

กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เคยพูดถึงปัญหาระบบราชการล้าหลังไว้ว่ามันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศไปสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็จะตกขบวนชาติอื่น 

การพัฒนาเศรษฐกิจ การสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้มีช่องทางเติบโตขยับขยายมันสำคัญมาก หนึ่งในนั้นคือระบบราชการต้องทันสมัย กรณ์ยกตัวอย่างว่า ถ้ามีสตาร์ทอัพต่างชาติอยากมาลงทุนที่ไทย แต่ต้องมานั่งกรอกเอกสารเป็นพันๆ หน้า สุดท้ายอาจมีส่วนทำให้ตัดสินใจย้ายไปชาติอื่นที่โอกาสเท่าๆ กันได้

การกรอกเอกสารสามารถสะท้อนอะไรได้มากกว่าแค่กระบวนการที่ล่าช้า แต่มันยังแสดงให้เห็นว่าระบบราชการไม่เอื้อให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งในเชิงธุรกิจ ถ้าเกิดความเสียหายใดๆ แล้วไม่สามารถจัดการได้ทันเวลา นั่นอาจหมายถึงจุดจบเลยก็ได้

Government Digital Transformation เป็นการยกระดับภาครัฐไทยสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ที่มีการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน มีการทำงานแบบอัจฉริยะ ให้บริการโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

อ้างอิงจาก

https://www.forbes.com/sites/forbestechcouncil/2021/03/10/digital-government-in-2021-lessons-from-the-past-year-and-top-trends-for-the-future/?sh=14c2ed773cf8

https://www.thansettakij.com/tech/507380

https://www.dga.or.th/policy-standard/policy-regulation/dga-019/dga-024/dga-027/

https://gnews.apps.go.th/news?news=28472

https://official.bangkok.go.th/page/127?fbclid=IwAR3N1zb1EOMBWlQ71Rwd9AZulFBT_AX5jjESGMAspKNE73kTeG0LOW5PtoU

TODAY BizviewWriterTODAY Bizview
TODAY Bizview by workpointTODAY
ข่าว สาระ ความรู้ ด้านธุรกิจในประเทศและต่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
Digital Government รัฐบาลดิจิทัล ปราบโกงด้วยระบบ