‘Dune : Part Two’ มหากาพย์แห่งจักรวาลได้เริ่มขึ้นแล้ว

ยังจำความรู้สึกหลังการรับชม DUNE เมื่อปีปลายปี 2021 กันได้หรือไม่?

สำหรับเราแล้ว ภาพทะเลทรายกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ฉากต่อสู้มากกว่าการฆ่าฟันที่มีชั้นเชิงในการนำเสนอ บทบาทของแต่ละตัวละครที่ขนกันมาอย่างเนืองแน่น และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการออกแบบเครื่องแต่งการในเรื่องนี้ (ที่เราชอบเป็นพิเศษ) ซึ่งนอกจะตราตรึงในจิตใจของหลายคนแล้ว DUNE ยังคว้ารางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมจากรางวัล Costume Designes Guild  และนอกจากนี้นี้ยังเข้าชิงรางวัล Oscars 2022 ถึง 10 สาขา และได้รางวัลมาครองถึง 6 สาขา ที่เป็นรางวัลเกี่ยวกับด้านเทคนิคทั้งหมดอีกด้วย

กลับมาคราวนี้ ‘Dune : Part2’ ได้สร้างตำนวนความยิ่งใหญ่บนจอยักษ์อีกครั้ง สานต่อความอลังการจากเรื่องราวภาคแรก แต่ได้ยกระดับประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ชมทั้งหมด ทั้งภาพและเสียง รวมถึงฉากแอคชั่นอันยิ่งใหม่ที่คุณจะหาดูในเรื่องไหนไม่ได้ นอกจากเรื่องโปรดักชั่นแล้ว ยังมีตัวละครใหม่อีกมายมายไม่ว่าจะเป็น ออสติน บัตเลอร์ , ฟลอเรนซ์ พิวห์ , เดฟ บาวทิสตา , คริสโตเฟอร์ วัลเคน , สตีเฟน แมคคินลีย์ เฮนเดอร์สัน และ เลอา แซดู  จากภาคแรกที่ถือว่าเป็นภาคปูพื้นฐาน แต่ภาคสองจะถือว่าจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่แท้จริงได้เริ่มขึ้นแล้ว ในภาคสองนี้จะได้เจอตั้งแต่ความรักสุดโรแมนติก ความรักที่มีต่อโลก ความซื่อสัตย์ การแก้แค้น นอกจากนี้ผู้เขียน แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ทยังได้เพิ่มประเด็นที่เกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ที่พยายามจะเอาชนะกับธรรมชาติของโลก รวมถึงการต่อสู้ที่เป็นเรื่องความขัดแย้งที่ไม่มีวันจะสิ้นสุดระหว่างความดีกับความชั่วร้าย 

เริ่มต้นด้วยการที่หนังได้เล่าเรื่องถึงวัฒนธรรมของชาวเฟรเมน ชาวพื้นเมืองแห่งดาวอาร์ราคิส พูดถึงจารีต พิธีการ นอกจากนี้ยังได้บอกคนดูถึงคำทำนายตามความเชื่อของชาวเฟรเมนอีกด้วย การเล่าถึงภาคแรกแบบเร็วๆ และการทำให้เรารู้จักตัวละครใหม่ ๆ อย่างเจ้าหญิงอิรูลาน รวมถึงจักรพรรดิชัดดามที่สี่อีกด้วย 

ตัวหนังได้ไต่ระดับความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างที่ชม เพิ่มบรรยากาศให้ผู้ชมในโรงค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศชนเผ่าพื้นเมือง การวางแผนที่จะกลายมาเป็นสมรภูมิรบเดือดกลางดาวทะเลทรายที่มีทรัพยากรที่สำคัญอย่าง ‘สไปซ์’ อย่างไรก็ตามความตั้งใจหลักของหนังไม่ได้จะเน้นสาดความเป็นแอ็คชั่นแบบจัดเต็ม แต่กลายเป็นว่ามันถูกออกแบบและนำเสนอได้อย่าพอเหมาะพอดี ทุกอย่างนั้นถูกยกระดับขึ้นจากภาคหนึ่งมาเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องเทคนิคการกำกับ การเล่าเรื่องของสองฝั่งขั้วอำนาจอย่างมีชั้นเชิง ดนตรีประกอบที่เมื่อได้ฟังในโรงภาพยนตร์แล้วมันทำให้เรารู้สึกอินไปมากขึ้น ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือทีมนักแสดงนำ อย่าง ทิโมฑี ชาลาเมต์ และ เซนเดย์อา ที่ภาคนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ให้ได้ปล่อยของได้เต็มที่

โดยรวมแล้วการกลับมาคราวนี้ สร้างความจัดเต็มความเข้มข้นของเรื่องราวมหากาพย์แห่งจักรวาลนี้ ยกระดับจากภาคแรกมากขึ้น ส่งสารถึงคนดูถึงความเชื่อ ความศรัทธาที่น่าหวั่นเกรง สู่การเมืองการต่อสู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด นี่จึงกลายเป็นหนังแห่งปีอีกเรื่อง ที่ไม่ควรพลาดแม้แต่น้อย

#TODAYPLAY  #DunePartTwoTH